เอกชนเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยปีนี้ดีขึ้น แต่กังวลเศรษฐกิจจีนแนะหันมาบุกตลาดอาเซียนและลงทุนด้านนวัตกรรมหนีคู่แข่ง
นายกานต์ ตระกูลฮุน ประธานที่ปรึกษาฝ่ายจัดการ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวในหัวข้อ”ทิศทางอุตสาหกรรมไทยปี 2559”ว่า ในปีนี้ภาพรวมเศรษฐกิจทั้งสหรัฐและยุโรปดีขึ้น แต่ที่กังวลคือเศรษฐกิจจีนที่โตชะลอตัวลง และจีดีพีจะต่ำกว่าที่รัฐบาลจีนประกาศไว้ โดยซึ่งปีที่ผ่านมา บริษัทฯส่งออกสินค้าไปจีนเป็นมูลค่า1พันล้านเหรียญสหรัฐ ก็ยังมีปริมาณการส่งออกไปจีนที่เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม คาดว่าในปีนี้จีนจะส่งออกซีเมนต์ และเหล็กเพิ่มมากขึ้นซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมดังกล่าวทั่วโลก ดังนั้นจำเป็นที่เอกชนไทยต้องมีการลงทุนด้านนวัตกรรมเพื่อผลิตสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นแทนสินค้าทั่วไป รวมทั้งหันมารุกตลาดอาเซียนมากขึ้นโดยเฉพาะเมียนมา เวียดนาม กัมพูชาและอินโดนีเซีย ขณะเดียวกันภาครัฐจะมีการลงทุนโครงการเมกะโปรเจ็กต์ 1.78 ล้านล้านบาท ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานกรรมการ บมจ. พีทีที โกลบอล เคมิคอล กล่าวว่า จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงนี้ ทำให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด(มาร์เก็ตแคป) ของหุ้นปตท.หายไป 3 แสนล้านบาท และบมจ.ปตท.สผ.หายไป 2 แสนล้านบาท
นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าเศรษฐกิจโลกและไทยวัฎจักร มีทั้งขึ้นและลงในส่วนของไทย คิดว่าไทยต่ำสุดแล้ว และแนวโน้มต่อไปจะค่อยๆฟื้นตัวดีขึ้น เพราะรัฐบาลตั้งใจจริงในการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งเงินระยะสั้นและโครงสร้างพื้นฐาน ดังนั้นเสนอให้รัฐไม่กลัวจะช่วยคนจนอย่ากลัวคนกล่าวหาว่าส่งเสริมประชานิยม เพราะ คนลำบากเมื่อมีเงินไปช่วยเหลือเค้าจะยินดีมากแต่ต้องให้เงินถึงมือ ไม่ตกหล่น
ทางด้าน นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตัวแปรสำคัญในการเพิ่มมูลค่าของสินค้าในอนาคตอันใกล้คือเรื่องของนวัตกรรมการผลิตเพื่อคุณภาพที่สูงขึ้น โดยปัจจัยหนึ่งที่จะขับเคลื่อนกำลังซื้อสินค้าคุณภาพสูงเพิ่มมากขึ้นคืออัตราการเพิ่มขึ้นของประชากรชนชั้นกลางซึ่งมีความต้องการสิ้นค้าคุณภาพโดยไม่คำนึงถึงเรื่องราคา
นายกานต์ ตระกูลฮุน ประธานที่ปรึกษาฝ่ายจัดการ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวในหัวข้อ”ทิศทางอุตสาหกรรมไทยปี 2559”ว่า ในปีนี้ภาพรวมเศรษฐกิจทั้งสหรัฐและยุโรปดีขึ้น แต่ที่กังวลคือเศรษฐกิจจีนที่โตชะลอตัวลง และจีดีพีจะต่ำกว่าที่รัฐบาลจีนประกาศไว้ โดยซึ่งปีที่ผ่านมา บริษัทฯส่งออกสินค้าไปจีนเป็นมูลค่า1พันล้านเหรียญสหรัฐ ก็ยังมีปริมาณการส่งออกไปจีนที่เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม คาดว่าในปีนี้จีนจะส่งออกซีเมนต์ และเหล็กเพิ่มมากขึ้นซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมดังกล่าวทั่วโลก ดังนั้นจำเป็นที่เอกชนไทยต้องมีการลงทุนด้านนวัตกรรมเพื่อผลิตสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นแทนสินค้าทั่วไป รวมทั้งหันมารุกตลาดอาเซียนมากขึ้นโดยเฉพาะเมียนมา เวียดนาม กัมพูชาและอินโดนีเซีย ขณะเดียวกันภาครัฐจะมีการลงทุนโครงการเมกะโปรเจ็กต์ 1.78 ล้านล้านบาท ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานกรรมการ บมจ. พีทีที โกลบอล เคมิคอล กล่าวว่า จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงนี้ ทำให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด(มาร์เก็ตแคป) ของหุ้นปตท.หายไป 3 แสนล้านบาท และบมจ.ปตท.สผ.หายไป 2 แสนล้านบาท
นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าเศรษฐกิจโลกและไทยวัฎจักร มีทั้งขึ้นและลงในส่วนของไทย คิดว่าไทยต่ำสุดแล้ว และแนวโน้มต่อไปจะค่อยๆฟื้นตัวดีขึ้น เพราะรัฐบาลตั้งใจจริงในการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งเงินระยะสั้นและโครงสร้างพื้นฐาน ดังนั้นเสนอให้รัฐไม่กลัวจะช่วยคนจนอย่ากลัวคนกล่าวหาว่าส่งเสริมประชานิยม เพราะ คนลำบากเมื่อมีเงินไปช่วยเหลือเค้าจะยินดีมากแต่ต้องให้เงินถึงมือ ไม่ตกหล่น
ทางด้าน นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตัวแปรสำคัญในการเพิ่มมูลค่าของสินค้าในอนาคตอันใกล้คือเรื่องของนวัตกรรมการผลิตเพื่อคุณภาพที่สูงขึ้น โดยปัจจัยหนึ่งที่จะขับเคลื่อนกำลังซื้อสินค้าคุณภาพสูงเพิ่มมากขึ้นคืออัตราการเพิ่มขึ้นของประชากรชนชั้นกลางซึ่งมีความต้องการสิ้นค้าคุณภาพโดยไม่คำนึงถึงเรื่องราคา