รองปลัดพาณิชย์ เผยปีหน้า(2559) เศรษฐกิจไทยชะลอตัวต่อเนื่อง จากปัจจัยภัยแล้ง ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ และเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แนะเอสเอ็มอีตามติดสถานการณ์ใกล้ชิดเพื่อเข้าถึงมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐ และปรับตัวเท่าทัน ลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้น หวังปลายปีทิศทางผงกหัวขึ้นอย่างช้าๆ
นายสมชาติ สร้อยทอง รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวในการเปิดโครงการพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) เรื่อง “SMEs…ผู้ผลิตพบผู้ซื้อ” จัดโดยหอการค้าไทยว่า เศรษฐกิจไทยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเกิดการชะลอตัวจากปัจจัยสำคัญ คือ เศรษฐกิจจีนที่ประเทศไทยพึ่งพาการส่งออกอย่างมากมาตลอดเกิดการชะลอตัว รวมถึงเศรษฐกิจโลกทั้งสหรัฐฯ และยุโรป ชะลอตัวเช่นกัน กระทบการส่งออกของไทยซึ่งมีสัดส่วนถึง 10% ของ GDP รวมเศรษฐกิจของไทย แม้ว่าจะมีปัจจัยบวกจากน้ำมันราคาถูก และเงินบาทอ่อนตัวลงก็ตาม แต่เมื่อเทียบแล้วการส่งออกที่ลดลงทำให้ฉุดการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยอย่างมาก และหากภัยก่อการร้ายที่ปารีสเกิดการขยายไปยังประเทศอื่นๆ จะส่งให้เศรษฐกิจโลกตกต่ำลงไปอีก โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวจะได้รับผลกระทบตามไปด้วย
นอกจากนั้น ในประเทศยังประสบปัญหาภัยแล้ง และราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ไม่ว่าจะเป็นข้าว มันสำปะหลัง และข้าวโพด ส่งให้กำลังซื้อในประเทศลดลงไปอีก จากปัจจัยดังกล่าวภาครัฐจึงหันกลับมาให้ความสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจในภายในประเทศ เช่น โครงการกองทุนหมู่บ้าน หรือให้เงินกู้หมู่บ้านละ 5 ล้านบาท เพื่อกระจายเงินลงไปสู่ระดับฐานราก
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงสำคัญในปีนี้ ต่อเนื่องถึงปีหน้า (2559) คือ ภัยแล้ง ทำให้ภาครัฐพยายามส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาปลูกพืชใช้น้ำน้อย ตลอดจนสร้างตลาดให้แก่เกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการรายย่อย นอกจากนั้น ในส่วนกระทรวงพาณิชย์ วางยุทธศาสตร์ส่งเสริมธุรกิจภาคบริการมากยิ่งขึ้น เพื่อหลีกหนีการแข่งขันและค่าแรงราคาแพง ซึ่งปัจจุบันไทยไม่สามารถแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านได้
นายสมชาติกล่าวด้วยว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2559 เป็นที่ค่อนข้างแน่นอนแล้วว่า จะชะลอตัวต่อเนื่อง จากปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้น คือ เรื่องภัยแล้ง และราคาสินค้าตกต่ำ ดังนั้น อยากให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีติดตามข่าวสาร สถานการณ์ ตลอดจนมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐอย่างใกล้ชิดเพื่อจะเข้าถึงมาตรการช่วยเหลือและบริการภาครัฐได้มากที่สุด รวมถึงปรับตัวทางธุรกิจ เพื่อจะลดผลกระทบต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น
นอกจากนั้น หากเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัว ประกอบกับมาตรการต่างๆ ที่ภาครัฐใส่ลงไปเพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอี และรายย่อย ไม่ว่าจะเป็นกองทุนหมู่บ้าน สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ลดภาษีนิติบุคคล กองทุนร่วมลงทุนเอสเอ็มอี ฯลฯ เกิดผลอย่างชัดเจน คาดว่าในปลายปี 2559 เศรษฐกิจไทยจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวอย่างช้าๆ
ด้านนายบุญชัย โชควัฒนา ประธานคณะกรรมการกลุ่มการค้าภายในประเทศ กล่าวว่า ขณะนี้ถือว่ากำลังซื้อเริ่มทรงตัว และมีแนวโน้มที่ดีขึ้นแล้ว เนื่องจากมาตรการ พยุงเศรษฐกิจของรัฐบาลเริ่มจะมีผลต่อระบบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นรายได้ให้แก่ผู้ที่มีรายได้น้อย คาดว่าจะเห็นผลได้ชัดเจนในไตรมาส 1 ของปี 2559 และส่งผลดีต่อภาคธุรกิจให้มีแนวโน้มดีขึ้น
ทั้งนี้ เห็นว่ารัฐบาลควรมีมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาอีก รวมถึงเร่งรัดกระบวนการจ่ายเงินไปให้ถึงมือประชาชนผู้มีรายได้น้อย เพราะต้องยอมรับว่าเม็ดเงินที่จะกระจายลงสู่ระบบเศรษฐกิจมีขั้นตอนค่อนข้างเยอะ หากลดขั้นตอนทำให้เงินถึงมีประชาชนผู้ที่มีรายได้น้อยโดยเร็วจะยิ่งเป็นการช่วยกระตุ้นกำลังซื้อและส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจในที่สุด
สำหรับโครงการพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม “SMEs…ผู้ผลิตพบผู้ซื้อ” เป็นการนำห้างค้าปลีกค้าส่งชั้นนำของประเทศ ได้แก่ ห้างเซ็นทรัล บิ๊กซี แม็คโคร โลตัส ท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ต และเซเว่นอีเลฟเว่น เข้ามาช่วยยกระดับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี พร้อมเปิดเวทีให้มีการเจรจาธุรกิจระหว่างกัน เพื่อร่วมมือกันในการพัฒนาธุรกิจ SMEs ของไทยให้มีความเข้มแข็ง ภายใต้ยุทธศาสตร์หลักของหอการค้าไทย ที่เน้นเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในรูปแบบ “บริษัทขนาดใหญ่ช่วยเหลือบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก” หรือพี่สอนน้อง เพื่อนสอนเพื่อน โดยใช้ประสบการณ์ทางธุรกิจเข้าไปช่วยพัฒนาศักยภาพตั้งแต่กระบวนการต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEs ผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *