ผู้จัดการรายวัน 360 - “แปซิฟิกา” เดินหน้ารุกตลาดแฟชั่น หลังปรับโครงสร้างควบ 4 บริษัทเป็นกลุ่มแปซิฟิกา ลดต้นทุน เพิ่มศักยภาพ มั่นใจตลาดไทยยังเติบโตดีแม้ไม่มากเหมือนในอดีต พร้อมนำเข้าาแบรนด์ใหม่เพิ่มหากมีศักยภาพ เผยแผน 3 ปีลงทุนเฉลี่ย 200 ล้านบาทต่อปี ปีนี้เปิดใหม่ 16 สาขา เน้นหนักกลุ่มแมสแบรนด์ ชิมลางขายออนไลน์ประเดิมเครื่องสำอางค์ NYX หวังปีนี้เติบโตรวม 43% เป็น 1.4 พันล้านบาท
นายโอภาส เลวิจันทร์ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทแปซิฟิกา จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าแฟชั่น ไลฟ์สไตล์ รวม 14 แบรนด์ เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ โดยรวมรวบบริษัทในเครือ 4 แห่งคือ บริษัท แปซิฟิกา เอเลเมนท์ จำกัด, บริษัท จีโอ รีเทล จำกัด, บริษัท แปซิฟิกา ไลฟ์สไตล์ จำกัด และบริษัท แปซิฟิกา แม็กซ์ จำกัด มารวมกันภายใต้กลุ่มบริษัทแปซิฟิกา เพื่อรับมือกับภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนในปัจจุบัน รวมทั้งรับมือกับการแข่งขันในตลาดแฟชั่นไลฟ์สไตล์ที่มีการแข่งขันอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นตลาดกลุ่มลักซ์ชัวรีแบรนด์ที่ตลาดรวมเริ่มอิ่มตัว ขณะที่ตลาดแมสแบรนด์ยังมีแนวโน้มการเติบโตได้อย่างดี โดยการรวมกันครั้งนี้ทำให้บริษัทฯ ลดต้นทุนการดำเนินงานและบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การรวมกันด้านแบ็คออฟฟิศ, ลอจิสติกส์ และการซื้อมีเดียร่วมกันทำให้ต้นทุนต่ำลง เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงดำเนินธุรกิจในเชิงรุกมากขี้น รวมทั้งจะให้ความสำคัญและสร้างการเติบโตทั้ง 3 กลุ่มในพอร์ตของบริษัทคือ ลักซ์ชัวรี่ (COACH, MAXMARA, SPORTMAX) กลุ่มพรีเมียม (CAMPER, MAX & CO, KENNETH COLE เป็นต้น)และแมส แบรนด์ (AMERICAN EAGLE, PRO-Keds, NYX เป็นต้น) อีกทั้งยังมีการสรรหาแบรนด์ใหม่เข้ามาเสริมพอร์ตหากแบรนด์นั้นมีศักยภาพและตลาดไปได้และมีการขยายการลงทุนด้านการตลาดและการลงทุนสาขาต่อเนื่อง เพราะแม้ว่าเศรษฐกิจจะยังเติบโตไม่มากเหมือนในอดีตแต่ก็กำลังซื้อก็ยังพอมี
สำหรับแผนธุรกิจภายใน 3 ปีจากนี้ตั้งเป้าหมายที่จะขยายสาขาแบรนด์ต่างๆ รวมเป็น 120 สาขา ลงทุนเฉลี่ย 150-200 ล้านบาทต่อปี รายได้เติบโตประมาณ 25-30% ทุกปี จากปี 2558 ที่มีรายได้รวม 14 แบรนด์ประมาณ 1 พันล้านบาท เติบโต 39% โดยปี 2559 จะลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท เปิดใหม่ 16 สาขา โดยช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมามียอดขายรวมเติบโต 2.4 เท่า หรือคิดเป็น 138% จากปีที่แล้ว ซึ่งปีนี้ต้องพัฒนาระบบบริการลูกค้าสัมพันธ์เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าคนไทยและคนต่างชาติและเตรียมงบอีก 60 ล้านบาททำตลาดและประชาสัมพันธ์ เน้นไปที่สื่อออนไลน์ และเพิ่มช่องทางจำหน่ายผ่านออนไลน์เริ่มแบรนด์แรกคือ เครื่องสำอาง “นิกซ์” (NYX) ภายในปีนี้ผ่าน “ลาซาด้า”
นายโอภาส กล่าวด้วยว่า บริษัทฯ ยังวางแผนรุกหนักตลาดแมสแบรนด์ ดดยเตรียมเปิดสาขาแบรนด์ “อเมริกันอีเกิ้ล เอ้าท์ฟิตเตอร์” เป็น 15-20 สาขาภายใน 3 ปีจากเดิม 5 สาขา ล่าสุดเปิดสาขาที่ “แฟชั่นไอส์แลนด์” จากนั้นในช่วงปลายปีจะเปิดที่ “เทอร์มินัล 21” ขณะที่แบรนด์เครื่องสำอาง “นิกซ์” (NYX) มีการเติบโตสูงมาก ปัจจุบันมี 16 สาขา ตั้งเป้าที่จะเพิ่มอีก 12 สาขา ภายในปลายปี 2560 โดยคาดว่ากลุ่มแมสแบรนด์จะทำยอดขายรวมได้ 480 ล้านบาทในปีนี้
“ส่วนตลาดกลุ่มลักซ์ชัวรี่แบรนด์และพรีเมียมแบรนด์ยังคงไปได้ดี เพราะมีการสนับสนุนด้านกำลังซื้อจากนักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นหลัก มีสัดส่วนมากถึง 40% ของลูกค้าทั้งหมด โดยตั้งเป้ายอดขายกลุ่มลักซ์ชัวรีและพรีเมียมแบรนด์ไว้ที่ 75% ของยอดขายรวม”
นายโอภาสกล่าวต่อว่า สำหรับแบรนด์ “ไอคอน “ซึ่งเป็นร้านมัลติแบรนด์จำหน่ายแบรนด์ต่างๆ ของบริษัทฯ เปิดมาแล้ว 2 ปี เติบโตต่อเนื่อง ไตรมาสที่ผ่านมาทำรายได้รวม 10 ล้านบาท มี 5 สาขา และจะเปิดเพิ่มที่ศูนย์การค้า “สเปลล์ ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต” พื้นที่เฉลี่ย 70-160 ตารางเมตร
สินค้าแต่ละกลุ่มของบริษัทฯ ในปี 2558 มาจาก กลุ่มลักซ์ชัวรีเติบโต 19% กลุ่มพรีเมียมเติบโต 18% และกลุ่มแมสเติบโตมากสุด 153% โดยสัดส่วนยอดขายในปี 2558 มาจากลักซ์ชัวรี 41% พรีเมี่ยม 37% และแมส 23% คาดว่าในปี 2559 จะเปลี่ยนเป็น กลุ่มลักซ์ชัวรี 39% กลุ่มพรีเมียม 27% และแมสเพิ่มเป็น 35% ส่วนยอดขายตั้งแต่ปี 2558 เติบโต 28% ปี2558 เติบโต 35% และปี 2559 คาดว่าจะเติบโต 43% เป็น 1.4 พันล้านบาท