เจ.เอส.พี.ปรับโครงสร้างองค์กร แยกกลุ่มธุรกิจ ตั้งบริษัทลูก “เจ.เอส.พี. แอสเซ็ท” รุกตลาดที่อยู่อาศัยเต็มสูบ พร้อมดึงมืออาชีพเสริมทัพ พร้อมรีแบรนด์สินค้าใช้ “เจ.ซีรีส์” หวังปรับลุคทันสมัย มีดีไซน์ ประกาศบุกตลาดที่อยู่อาศัยทุกประเภทราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท เผยร่วมทุนจีนผุดโครงการใหญ่ย่านบางเสร่ มูลค่ากว่า 1.5 หมื่นล้านบาท คาดเตรียมเปิดตัวปลายปี
นายไพโรจน์ วัฒนวโรดม รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจ.เอส.พี.พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ.เอส.พี. แอสเซ็ท จำกัด เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ได้เข้ามาร่วมทีมบริหารกับ เจ.เอส.พี. บริษัทได้ทำการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ โดยแยกการบริหารออกเป็น 2 กลุ่มธุรกิจ คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ และธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อขาย เพื่อรองรับการเติบโตของบริษัทในอนาคต โดย เจ.เอส.พี.ฯ ซึ่งเป็นบริษัทแม่จะเน้นการพัฒนาโครงการเชิงพาณิชย์ การลงทุนเพื่อสร้างรายได้ระยะยาว ขณะที่ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อขายได้ตั้งบริษัทลูก “บริษัทเจ.เอส.พี. แอสเซ็ท จำกัด” เพื่อบริหารงาน โดยจะเน้นการพัฒนาที่อยู่อาศัยทุกประเภท ทั้งแนวราบ และแนวสูง ในระดับราคาต่ำกว่า 5-6 ล้านบาท เนื่องจากมองว่าเป็นระดับราคาที่สามารถจับต้องได้ มีฐานลูกค้าที่กว้าง นอกจากนี้ บริษัทยังได้ปรับภาพลักษณ์แบรนด์ใหม่ให้สินค้ามีความทันสมัย แต่เรียบหรูที่เข้าถึงได้ง่าย เน้นเจาะไปกลุ่มคนรุ่นใหม่ภายใต้แบรนด์ “J” series โดยจะใช้ J นำหน้าชื่อโครงการ
“เดิมมีบริษัท เจ.เอส.พี.เป็นเรือใหญ่ลำเดียวออกไปหาปลา แต่ถ้าอยากได้ปลามากๆ จะต้องส่งเรืองลำเล็กๆ กระจายออกไปช่วยกันหาปลามาเพิ่ม สำหรับ เจ.เอส.พี.แอสเซ็ท จะดูแลตั้งแต่การสร้าง ขาย และโอน ซึ่งในอนาคตสัดส่วนรายได้ เจ.เอส.พี.พร็อพเพอร์ตี้ จะมาจากการพัฒนาที่อยู่อาศัยสัดส่วน 80% และธุรกิจเพื่อการพาณิชย์ สัดส่วน 20%” นายไพโรจน์ กล่าว
สำหรับแผนการลงทุนภายใต้การบริหารงานของบริษัท เจ.เอส.พี.แอสเซ็ทฯ ในช่วงครึ่งปีหลังเตรียมเปิดเฟสใหม่ 3 โครงการ และเปิดขายใหม่ 4 โครงการ ในช่วงไตรมาส 4 ประกอบด้วย 1.โครงการมิกซ์ยูส ที่ อ.บางบัวทอง บนพื้นที่ 80 ไร่ พัฒนาหลายแบรนด์ ได้แก่ “เจ สแควร์” เป็นบ้านเดี่ยว ราคา 6.49 ล้านบาท จำนวน 46 ยูนิต “เจ ซิตี้” ทาวน์เฮาส์ ราคา 2.69 ล้านบาท จำนวน 296 ยูนิต “เจ วิลเลจ” เป็นบ้านแฝด ราคา 3.74-5 ล้านบาท จำนวน 214 ยูนิต และ “เจ เลเจนด์” เป็นบ้านเดี่ยว ราคา 5.95 ล้านบาท จำนวน 108 ยูนิต รวมมูลค่าโครงการ 2,500 ล้านบาท
2.โครงการ “เจ ซิตี้” และ “เจ วิลเลจ” เป็นทาวน์เฮาส์ และบ้านแฝด ย่านติวานนท์-บางกะดี ตั้งอยู่บนพื้นที่ 31 ไร่ มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท และ 3.โครงการคอนโดฯ โลว์ไรซ์ แบรนด์ “เจ คอนโด” ย่านพระราม 2 บนพื้นที่ 2 ไร่ ราคา 1.6-1.7 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 300 ล้านบาท
ส่วนโครงการที่บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จะเป็นการพัฒนาโดยบริษัทแม่ เจ.เอส.พี.พร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนกับกลุ่มทุนจีน บริษัท จงเทียน คอนสตรัคชั่น กรุ๊ป จำกัด กลุ่มบริษัทก่อสร้าง และพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่อันดับ 1 ของจีน บนพื้นที่ประมาณ 116 ไร่ มูลค่ารวมประมาณ 15,000 ล้านบาท ประกอบด้วย คอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ อาคารพาณิชย์ โรงแรม และคอมมูนิตีมอลล์ ซึ่ง เจ.เอส.พี.ฯ ถือหุ้น 51% และจงเทีย ถือหุ้น 49%
สำหรับในปีนี้ กลุ่ม เจ.เอส.พี.ฯ ตั้งเป้ารายได้ 4,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่มีรายได้ประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยรายได้ส่วนหนึ่งเป็นการดึงยอดที่จะโอนในปี 2560 มาเร่งโอนในปีนี้ เนื่องจากทีมงานใหม่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องการก่อสร้างที่อยู่อาศัยกึ่งสำเร็จรูป หรือพรีคาสต์ ส่วนปี 2560 วางเป้าที่จะมีรายได้ 5,000-6,000 ล้านบาท จากการเร่งเปิดตัวโครงการใหม่ในปีนี้