ผู้จัดการรายวัน 360 - “ยันฮี” ชี้ประเทศไทยขึ้นแท่นแชมป์ 1 ใน 3 การผ่าตัดแปลงเพศชั้นแนวหน้าของเอเชีย ต่างประเทศให้การยอมรับ โดดเด่นทั้งฝีมือแพทย์ประณีต ราคาไม่แพง บริการเป็นเลิศ คาดสิ้นปีมีลูกค้าแปลงเพศโตขึ้น 10%
นพ.กรีชาติ พรสินสิริรักษ์ หัวหน้าศูนย์ศัลยกรรมตกแต่ง โรงพยาบาลยันฮี เปิดเผยว่า โรงพยาบาลยันฮีมีการผ่าตัดแปลงเพศจากชายเป็นหญิง และผ่าตัดรักษาด้านความสวยความงามอย่างครบวงจรมาเป็นระยะเวลากว่า 30 ปี พร้อมด้วยแพทย์ศัลยกรรมตกแต่งเฉพาะทางจำนวนทั้งสิ้น 16 ท่าน นับว่าเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่มีจำนวนแพทย์ศัลยกรรมตกแต่งมากที่สุดในประเทศไทย และทุกท่านล้วนเป็นสมาชิกสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย
นอกจากนั้นยังมีความพร้อมในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์เทคโนโลยีที่ทันสมัย ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของแพทย์ ทำให้เชื่อมั่นได้ว่า “ยันฮี” เป็นโรงพยาบาลระดับมาตรฐานสากล และที่สำคัญยังได้รับการรับรองจาก JCI (The Joint Commission International) ซึ่งเป็นองค์กรที่ส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพและความปลอดภัยในการดูแลรักษาพยาบาลให้แก่สถานพยาบาลต่างๆ ทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง
ภายในปีนี้ “ยันฮี” จะเป็นโรงพยาบาลที่มีจำนวนผู้แปลงเพศมากที่สุดติดอันดับ 1 ใน 3 ของเอเชีย หรือมีจำนวนยอดผู้แปลงเพศรวมทั้งสิ้น 1.5 พันรายตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีที่ทำการผ่าตัดแปลงเพศ และคาดว่าภายในสิ้นปีจะมีผู้มารับการแปลงเพศเพิ่มอีก 10% โดยใน 1 สัปดาห์มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการแปลงเพศเฉลี่ยประมาณ 2-5 ราย หรือปีละกว่า 100 ราย
สำหรับค่าใช้จ่ายในการแปลงเพศจากชายเป็นหญิงนั้นจะเริ่มต้นที่ราคา 1 แสนบาทขึ้นอยู่กับความยากง่ายในการแปลงเพศเป็นกรณีๆ ไป ส่วนการแปลงเพศจากหญิงเป็นชายราคาจะสูงกว่าประมาณ 3 เท่า เนื่องจากมีความซับซ้อนในการศัลยกรรมและต้องมีการปรับสภาพร่างกายในหลายๆ ด้านมากกว่า
“สถานการณ์การแปลงเพศของประเทศไทยในปัจจุบันมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะได้รับการยอมรับจากทั้งชาวไทยและต่างชาติว่าแพทย์ไทยเป็นผู้ที่มีฝีมือประณีต มีความเชี่ยวชาญจนเป็นที่ยอมรับ สิ่งหนึ่งที่เป็นเครื่องยืนยันได้ว่าประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการผ่าตัดแปลงเพศคือ บทความจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กได้กล่าวไว้ว่า สาเหตุที่มีจำนวนคนข้ามเพศมากขึ้น เนื่องจากสื่อสังคมออนไลน์ที่ทำให้มีการรับรู้เรื่องราวเหล่านี้เพิ่มมากขึ้น ยังรวมถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงทัศนคติ ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ได้รับการยอมรับและมีการเปิดเผยตัวตนมากขึ้น”
นอกจากนั้นยังระบุว่า สิ่งหนึ่งที่ทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการแปลงเพศมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะฝีมือแพทย์ที่มีทั้งประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการผ่าตัด ส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและความงามมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งในแต่ละปีสามารถดึงดูดลูกค้าชาวต่างชาติเข้าประเทศได้กว่า 2 ล้านคน สร้างรายได้ 1.4 แสนล้านบาท ขณะที่ชาวต่างชาติที่เข้ามารับการผ่าตัดส่วนใหญ่มาจากประเทศจีน ตะวันออกกลาง และออสเตรเลีย เป็นเพราะแพทย์ไทยผ่าตัดได้ผลดีออกมาสร้างความพึงพอใจให้แก่ผู้เข้ารับการผ่าตัดได้เต็มที่และปลอดภัยด้วย
“การผ่าตัดแปลงเพศเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของชีวิตซึ่งไม่สามารถกลับมาในเพศเดิมได้อีก ดังนั้นการศึกษาหาข้อมูลและเลือกปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ รวมถึงต้องทำในโรงพยาบาลที่มีมาตรฐานจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นมากที่สุด เพื่อความสมบูรณ์ตามเพศที่ต้องการและใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข” นพ.กรีชาติกล่าวในที่สุด