xs
xsm
sm
md
lg

‘ทรัมป์’เรียกร้องไม่ให้รับผู้อพยพจากชาติที่มีประวัติก่อการร้าย ขณะ ‘คลินตัน’เตือนอย่าทำให้ชาวมุสลิมกลายเป็นปีศาจร้าย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอพี/เอเจนซีส์ – โดนัลด์ ทรัมป์ และ ฮิลลารี คลินตัน ต่างฝ่ายต่างเสนอแนะมาตรการที่แตกต่างกันอย่างยิ่ง ในการต่อสู้กับการก่อการร้ายและความรุนแรงจากอาวุธปืนในสหรัฐฯ ภายหลังเหตุโจมตีบาร์เกย์ที่ออร์แลนโดซึ่งมีผู้ถูกสังหารไปจำนวนมาก โดยทางว่าที่ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรครีพับลิกันประกาศจะระงับไม่รับผู้อพยพเข้าเมืองจากพวกประเทศซึ่งมีประวัติด้านการก่อการร้าย แต่ฝ่ายว่าที่ผู้สมัครของพรรคเดโมแครตเตือนว่าอย่าได้ทำให้ชาวมุสลิมกลายเป็นปีศาจร้ายและประกาศสงครามกับอิสลามทั้งศาสนา

การออกมาพูดกับสื่อและการปราศรัยหาเสียงแบบตอบโต้กันของแคนดิเดตทั้ง 2 คนนี้เมื่อวันอาทิตย์ (12 มิ.ย.) และวันจันทร์ (13) เป็นการเน้นย้ำอันชัดเจนถึงหนทาง 2 หนทาง ซึ่งชาวอเมริกันจะต้องเลือกกันในการเลือกตั้งประธานาธิบดีต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ วิสัยทัศน์ของคลินตันนั้นอิงอยู่กับวิธีการของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ในการรณรงค์ต่อสู้กับกลุ่ม “รัฐอิสลาม” (ไอเอส) ในอิรักและซีเรีย และเป็นการขยายคำสั่งฝ่ายบริหารในเรื่องการควบคุมอาวุธปืนของโอบามา ขณะที่ทรัมป์กำลังเรียกร้องให้ใช้มาตรการด้านความมั่นคงแห่งชาติซึ่งมีหน้าตาแตกต่างออกไปอย่างใหญ่หลวง

เสาต้นหลักๆ ในแผนการต่อต้านการก่อการร้ายของทรัมป์ ได้แก่การเปลี่ยนแปลงอย่างมโหฬารในเรื่องระเบียบกฎเกณฑ์การรับคนเข้าเมือง ถึงแม้ข้อเท็จจริงมีอยู่ว่า ผู้ก่อเหตุกราดยิงที่ออร์แลนโดเป็นผู้ที่เกิดในสหรัฐฯ ไม่ใช่ผู้อพยพก็ตามที

ทรัมป์ยิ่งเพิ่มทวีน้ำหนักข้อเรียกร้องเดิมของเขาที่ให้ห้ามชาวมุสลิมเดินทางเข้าสหรัฐฯเป็นการชั่วคราว โดยคราวนี้ระบุว่านโยบายนี้จะต้องใช้ไปเรื่อยๆ จนกว่ารัฐบาลอเมริกันสามารถดำเนินการตรวจสอบผู้อพยพเข้าเมืองได้ “อย่างถูกต้องเหมาะสมและสมบูรณ์” แล้ว ไม่เพียงเท่านั้น เขายังเรียกร้องต่อไปอีกว่า เขาจะใช้อำนาจตามดุลยพินิจของประธานาธิบดีในการ “ระงับไม่ให้มีการอพยพ (เข้าสหรัฐฯ) จากพื้นที่ต่างๆ ของโลก ซึ่งมีประวัติศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีการก่อการร้ายต่อต้านสหรัฐฯ, ยุโรป, ตลอดจนพันธมิตรอื่นๆ ของเรา”

เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ผู้นี้ไม่ได้พูดเจาะจงว่าประเทศไหนบ้างที่จะได้รับผลกระทบกระเทือนจากมาตรการของเขา รวมทั้งไม่ได้ระบุว่าการระงับนี้จะกระทำกับผู้คนในพื้นที่เหล่านั้นไม่ว่านับถือศาสนาใดหรือเปล่า

ทางฝ่ายคลินตันบอกว่า ข้อเสนอเหล่านี้มีแต่จะทำให้ฝ่ายบังคับใช้กฎหมายเกิดความยากลำบากมากขึ้นในการทำงานกับชุมชนชาวมุสลิมเท่านั้น

“ถ้อยคำโวหารต่อต้านมุสลิมที่ยั่วโทสะ และการข่มขู่คุกคามที่จะห้ามครอบครัวและเพื่อนมิตรของชาวอเมริกันมุสลิม ตลอดจนผู้คนแวดวงธุรกิจที่เป็นมุสลิมและนักท่องเที่ยวมุสลิมจำนวนนับล้านๆ คนไม่ให้เข้าประเทศของเรา เป็นเรื่องที่สร้างความเจ็บปวดให้แก่ชาวมุสลิมส่วนข้างมากจำนวนมหาศาลซึ่งเป็นผู้ที่รักเสรีภาพและเกลียดชังการก่อการร้าย” เธอกล่าว

ก่อนหน้านี้เธอก็กล่าวว่า “ดิฉันจะไม่ทำให้ (ชาวมุสลิม) กลายเป็นปีศาจร้าย ... และประกาศสงครามกับศาสนาทั้งศาสนา” พร้อมกับพูดต่อไปว่า “นั่นมีแต่เป็นอันตรายและกลายเป็นเครื่องมือของพวกไอซิส (ISIS) เท่านั้น” เธอบอกโดยเรียกพวกไอเอสในอีกชื่อหนึ่ง

อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกันยังเรียกร้องให้เพิ่มการโจมตีทางอากาศของกลุ่มพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯ ซึ่งมุ่งเล่นงานพวกไอเอสในอิรักและซีเรีย อีกทั้งยังกล่าวประณามอย่างเจาะจงถึงพวกหุ้นส่วนของอเมริกันในตะวันออกกลาง –ซึ่งได้แก่ซาอุดีอาระเบีย, คูเวต, และกาตาร์— ที่ไม่ได้ยับยั้งเงินทุนเพื่อการก่อการร้ายซึ่งส่งออกมาจากประเทศของพวกเขา เธอเรียกร้องด้วยให้ออกกฎหมายควบคุมอาวุธปืนอย่างเข้มงวดกวดขันยิ่งขึ้นในสหรัฐฯ รวมทั้งประกาศให้อาวุธสังหารแบบเดียวกับอาวุธกระบอกหนึ่งซึ่งมือปืนกราดยิงที่ออร์แลนโดใช้อยู่ เป็นอาวุธผิดกฎหมาย

“ดิฉันเชื่อว่าอาวุธเพื่อการทำสงครามต้องไม่มาปรากฏอยู่ตามท้องถนนของเรา” คลินตันกล่าว ถึงแม้เธอแสดงความคิดเห็นตรงกันข้ามกับทรัมป์อย่างอ้อมๆ แต่เธอก็ไม่ได้เอ่ยชื่อของเขาตรงๆ เลย โดยกล่าวว่า “วันนี้ไม่ใช่วันสำหรับการเล่นการเมือง”

อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าทรัมป์ไม่เห็นด้วย และกำลังวิพากษ์วิจารณ์เธออย่างดุดันและบ่อยครั้ง

ว่าที่ผู้สมัครของพรรครีพับลิกันผู้นี้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะปกป้องคุ้มครองชาวอเมริกันทั้งหมด “ไม่ว่าพวกเขามาจากที่ใด ไม่ว่าพวกเขาเกิดที่ไหน” แต่เขาก็เอ่ยพาดพิงถึงชาวมุสลิมในบริบทที่เป็นด้านลบอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า

ถึงแม้ โอมาร์ มาทีน มือปืนยิงกราดที่ออร์แลนโด เกิดในสหรัฐฯ แต่ทรัมป์ก็ชี้ว่า เขา “เกิดกับพ่อแม่ชาวอัฟกันซึ่งอพยพเข้ามาอยู่ในสหรัฐฯ” เขากล่าวว่าชุมชนชาวมุสลิมจะต้องไปแจ้งต่อฝ่ายบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับ “คนที่พวกเขารู้ว่าเป็นคนเลว” และกล่าวต่อไปว่า “พวกเขารู้อยู่แล้วว่าคนเลวเหล่านี้อยู่ที่ไหน”

เขาพูดด้วยว่า ในโลกมุสลิม ชาวเกย์และเลสเบี้ยนมักถูกแบ่งแยกเหยียดหยาม และกล่าวว่าคลินตันไม่สามารถอวดอ้างว่าเป็นพันธมิตรกับชุมชน LGBT (ชาวเลสเบี้ยน, ชาวเกย์, คนรักทั้งสองเพศ, คนข้ามเพศ) ได้หรอก ถ้าเธอสนับสนุนให้ผู้คนจากประเทศดังกล่าวอพยพเข้ามายังสหรัฐฯ

“พวกคุณลองถามตัวเองดูเถอะ ใครกันแน่ที่เป็นเพื่อนมิตรแท้จริงของผู้หญิงและของชุมชน LGBT: โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้แสดงออกด้วยการกระทำ หรือ ฮิลลารี คลินตัน ที่แสดงออกด้วยคำพูดของเธอ” ทรัมป์ บอก อย่างไรก็ตาม นักแสดงดังจากรายการเรียลลิตี้โชว์ผู้นี้กล่าวด้วยว่า เขาคัดค้านการอนุญาตให้ชาวรักร่วมเพศแต่งงานกัน ซึ่งนี่ก็เป็นจุดยืนอย่างเป็นทางการของรีพับลิกัน ขณะที่คลินตันกับชาวเดโมแครตให้การสนับสนุน

คลินตันบอกว่า ความพยายามในการต่อต้านการก่อการร้ายของเธอจะรวมศูนย์อยู่ที่การระบุตัวผู้ก่อเหตุโจมตีแบบ “หมาป่าโดดเดี่ยว” (lone wolf) ซึ่งหมายถึงคนที่ได้รับแนวคิดอิทธิพลจนกลายเป็นพวกหัวรุนแรง แต่ไม่ได้มีการติดต่อโยงใยกับเครือข่ายวงกว้างออกไป หรือกำลังดำเนินแผนการตามการชี้นำของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ทั้งนี้ โอบามากล่าวเมื่อวันจันทร์ (13) ว่าคนร้ายออร์แลนโดดูจะเป็นผู้ที่เข้าข่ายนี้

อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐฯยังย้ำข้อเรียกร้องของเธอที่จะให้มีมาตรการควบคุมปืนอย่างเข้มงวดยิ่งขึ้น โดยนอกจากเธอสนับสนุนให้ห้ามครอบครองอาวุธสังหารแล้ว เธอกล่าวว่าชาวอเมริกันคงเห็นพ้องกับเธอว่า “ถ้าเอฟบีไอกำลังเฝ้าจับตาคุณอยู่เนื่องจากสงสัยว่ามีความเกี่ยวข้องกับผู้ก่อการร้าย คุณก็ไม่ควรสามารถที่จะเข้าไปซื้อปืนอย่างสะดวกง่ายดายโดยไม่ถูกสอบถามอะไรทั้งสิ้น”

ทั้งนี้เอฟบีไอ (สำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐฯ) ระบุว่า ได้เพ่งเล็งมาทีนมาแล้ว 2 รอบ ทว่าเจ้าหน้าที่สืบสวนตรวจสอบไม่พบว่าเขามีความเชื่อมโยงอย่างชัดเจนใดๆ กับกลุ่มก่อการร้ายและแผนก่อการร้าย ตามการเปิดเผยของพวกเจ้าหน้าที่รับผิดชอบของสหรัฐฯ ประมาณ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ มาทีนได้ไปซื้ออาวุธปืนอย่างถูกกฎหมายมาอย่างน้อย 2 กระบอก

กำลังโหลดความคิดเห็น