xs
xsm
sm
md
lg

หิ้ว 2 ใน 4 แก๊งชาวจีนปล้นร้านปืนทำแผน 4 จุด “ศานิตย์” ยันไม่โยงก่อการร้าย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - ตำรวจ สน.สำราญราษฎร์ นำ 2 ใน 4 ผู้ต้องหาชาวจีนปล้นร้านปืน ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ 4 จุด ตั้งแต่จุดจอด จยย. บุกปล้นปืนจึงเกิดการปะทะกันก่อนวิ่งหลบหนีและจับกุมตัวได้ในที่สุด ด้าน “ศานิตย์” ระบุไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองและก่อการร้ายเพราะชาวจีนไม่ก่อเหตุนอกประเทศ

วันนี้ (5 มี.ค.) เมื่อเวลา 10.15 น. สน.สำราญราษฎร์ ร.ต.ท.รุ่งคุณ จันทโชติ พนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ เบิกตัวผู้ต้องหา คือ นายหม่า เกิง ชาวมองโกล สัญชาติจีน อายุ 34 ปี และนายหลี่ คุณเผิง ชาวเฮยหลงเจียง สัญชาติจีน อายุ 26 ปี เป็น 2 ใน 4 ผู้ต้องหาที่ปล้นปืนออกจากห้องควบคุมเพื่อไปนำชี้จุดเกิดเหตุที่ห้างหุ้นส่วนจำกัด อินเตอร์อาร์ม เลขที่ 127/17 โครงการสามยอดพลาซ่า แขวงบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กทม. โดยมี พ.ต.อ.ชุมพล ชาญชนะโยธิน ผกก.สน.สำราญราษฎร์ พร้อม พ.ต.อ สุริยา จำนงโชด ผกก.หัวหน้างานสอบสวน สน.ราญราษฎร์ นำกำลังสายตรวจ-ฝ่ายสืบสวน ควบคุมดูแลโดยได้นำขึ้นรถตู้ของ สน.สำราญราษฎร์ พร้อมของกลางจักรยานยนต์จำนวน 2 คันที่ใช้ก่อเหตุ และอุปกรณ์ที่ก่อเหตุนำไปประกอบการทำแผนฯ ในครั้งนี้

ต่อมาเวลา 10.45 น. พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ทรงพล วัธนะชัย ผบก.น.6 และ พ.ต.อ.ชยุต มารยาทตร์ รอง ผบก.น.6 ควบคุมดูแลการประกอบชี้จุดที่เกิดเหตุ โดยเริ่มจุดแรกกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมด 4 คน คือ นายซุน จุ้นเหว่ย ชาวเฮอหนาน สัญชาติจีน อายุ 27 ปี (เจ็บอยู่โรงพยาบาลตำรวจ ขณะนี้เจ้าหน้าที่อายัดตัวไว้) นายหม่า เกิง ชาวมองโกล สัญชาติจีน อายุ 34 ปี (ถูกเจ้าหน้าที่ยิงได้รับบาดเจ็บและถูกจับกุมใกล้กับจุดเกิดเหตุ) นายหวู๋ ซิ่งจุน ชาวมองโกล ชาวจีน อายุ 40 ปี (เสียชีวิต) และ นายหลี่ คุณเผิง ชาวเฮยหลงเจียง สัญชาติจีน อายุ 26 ปี (ถูกเจ้าหน้าที่ตามล้อมจับกุมตัว) ทั้งหมดขับขี่ซ้อนจักรยานยนต์มาจอดบริเวณห่างจากห้างหุ้นส่วนจำกัด อินเตอร์อาร์ม ประมาณ 50 เมตร ก่อนลงเดินไปยังร้านดังกล่าว

จุดที่ 2 บริเวณห้างหุ้นส่วนจำกัด อินเตอร์อาร์ม โดยมีนายซุน จุ้ยเหว่ย และนายหม่า เกิง ได้นำอาวุธมีดออกมาก่อนจะเดินเข้าไปภายในร้านดังกล่าว จากนั้นนายซุน จุ้ยเหว่ย ได้นำปืนบีบีกันออกมาข่มขู่เจ้าของร้านจึงได้เกิดการปะทะกัน ระหว่างนั้นนายหม่า เกิง เร่งค้นหาปืนภายในร้านค้าดังกล่าว ส่วนบริเวณหน้าร้านมีนายหวู๋ ซิ่งจุน และนายหลี่ คุณเผิง เป็นผู้ดูต้นทางโดยใช้วิทยุสื่อสารในการส่งสัญญาณ แต่เมื่อเกิดเหตุปะทะกันทำให้ผู้ต้องหาทั้ง 4 คนได้วิ่งหลบหนีมายังบริเวณที่จอดจักรยานยนต์ทิ้งไว้ตอนแรก

จุดที่ 3 นายซุน จุ้ยเหว่ย และ นายหม่า เกิง พยายามจะหลบหนีแต่จักรยานยนต์สตาร์ทไม่ติดจึงถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไว้ได้ ต่อมาจุดที่ 4 บริเวณหน้าทางเข้าสามยอดพลาซ่า นายหวู๋ ซิ่งจุน และนายหลี่ คุณเผิง ขับขี่ซ้อนจักรยานยนต์หลบหนีมาแต่ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงสกัดจนจักรยานยนต์ล้มลง ส่งผลให้นายหวู๋ ซิ่งจุน ได้รับบาดเจ็บสาหัสล้มตัวนอนบริเวณดังกล่าว ส่วนนายหลี่ คุณเผิง วิ่งหลบหนีไปทางซอยศิริชัย 1 ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวได้สำเร็จ โดยใช้เวลาประมาณ 1 ช้่วโมงก่อนจะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังที่ศาลอาญา รัชดาภิเษกต่อไป

ภายหลังการชี้จุด พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า ในการทำแผนวันนี้ผู้ต้องหาให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และสอดคล้องกับคำให้การของผู้ต้องหา ตนได้พูดคุยกกับทางสถานทูตจีนยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง และการก่อการร้ายแต่อย่างใดเนื่องจากชาวจีนจะไม่กระทำการนอกประเทศของตน

รายงานข่าวแจ้งว่า จากการสืบสวนพบว่า นายเจิ้น หยาง อายุ 30 ปี หัวหน้าแก๊งพร้อมด้วยนายหวู๋ ซิ่งจุน และนายซุน จุ้นเหว่ย ได้ไปเช่าจักรยานยนต์คันที่ใช้ในการก่อเหตุมาจากเต็นท์รถเช่าแห่งหนึ่งในเมืองพัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี พร้อมกับหาซื้ออาวุธปืนเทียมบีบีกันมาจากร้านขายอุปกรณ์สิ่งเทียมอาวุธใกล้กับเต็นท์เช่ารถดังกล่าว ก่อนจะขับขี่จักรยานยนต์ทั้ง 2 คันดังกล่าวเข้ามายังห้องพักแห่งหนึ่งใน กทม.

ต่อมาวันที่ 2 มี.ค. ผู้ต้องหาทั้ง 5 รายได้มีการย้ายโรงแรมที่พัก โดยแยกเป็น 2 แห่ง ประกอบด้วย โรงแรม Happio มีนายหวู๋ ซิ่งจุน และนายหลี่ คุณเผิง เป็นผู้เข้าพัก และโรงแรม Four Son village มีนายเจิ้น หยาง, นายหม่า เกิง และนายซุน จุ้นเหว่ย เป็นผู้เข้าพัก จากนั้นนายเจิ้นได้สั่งการให้นายหวู๋ ซิ่งจุน และ นายหลี่ คุณเผิงไปขโมยป้ายทะเบียนจักรยานยนต์คันอื่นมาเปลี่ยนใส่แทนป้ายทะเบียนเดิมของจักรยานยนต์ที่เช่ามา

นอกจากนี้ ก่อนหน้าที่ผู้ต้องหากลุ่มนี้จะลงมือก่อเหตุได้มีการมาซุ่มดูลาดเลาที่เกิดเหตุเป็นจำนวนหลายครั้งเพื่อความแน่ใจ กระทั่งถึงวันเกิดเหตุผู้ต้องหาที่ก่อเหตุทั้ง 4 คนได้มานั่งเฝ้ารอรับคำสั่งจากนายเจิ้น หยาง อยู่บริเวณใกล้กับที่ก่อเหตุเป็นเวลานานร่วมชั่วโมง ก่อนจะได้รับคำสั่งให้ลงมือก่อเหตุดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานข้อมูลไปยังองค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ (International Criminal Police Organization หรือ INTERPOL) หรือตำรวจสากล เพื่อตรวจสอบประวัติอาชญากรรมของกลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าว

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ขณะนี้นายเจิ้น หยาง หัวหน้าแก๊งที่เพิ่งถูกตำรวจท่องเที่ยวจับกุมตัวได้นั้น ทางฝ่ายสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ ได้ขออนุมัติออกหมายศาลอาญาธนบุรี เลขที่ 472/1559 ลงวันที่ 5 มีนาคม 2559 ข้อหาปล้นทรัพย์โดยใช้อาวุธ พยายามฆ่า พกพาอาวุธมีดไปในเมืองหมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และครอบครองวิทยุสื่อสารคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตเอาไว้แล้ว อยู่ระหว่างให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนทำการสอบปากคำ ก่อนส่งตัวฝากขังที่ศาลเป็นรายต่อไป

ผู้สื่อข่าวได้โทร.สัมภาษณ์นายฐิติธร บูรพพาร์มณีย์ อายุ 40 ปี นายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจอาวุธปืนแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เดิมที่ทางสมาคมมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดอยู่แล้ว คือ 1. โดยทุกร้านค้าจะมีกล้องวงจรปิดทั้งบริเวณหน้าร้านค้าและภายในร้าน 2. ทุกร้านค้าจะมีลูกจ้างเฝ้าอยู่บริเวณหน้าร้านเพื่อคัดคนหรือผู้ที่มาติดต่อก่อนเข้าร้าน 3. ทุกร้านค้าจะไม่มีการจำหน่ายอาวุธปืนให้กับชาวต่างชาติอยู่แล้ว ดังนั้นจะไม่มีการนำปืนมาแสดงให้ลูกค้าชาวต่างชาติ และจะคัดคนเฉพาะที่มีใบอนุญาตเท่านั้น ทั้งนี้ ทางสมาคมจะมีกลุ่มไลน์สำหรับส่งข้อมูลต่างๆ อาทิ การแจ้งบุคคลต้องสงสัยที่เข้ามาภายในบริเวณร้านค้า อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุดังกล่าวทางสมาคมได้มีการเฝ้าระวังกลุ่มชาวต่างชาติมากยิ่งขึ้น และกลุ่มที่มีการขับขี่จักรยานยนต์มาจอดเป็นเวลานาน อีกทั้งยังมีการเน้นย้ำให้ทุกร้านค้าทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดใหม่เพื่อทดสอบการทำงานของกล้องวงจรปิด

นายฐิติธรกล่าวว่า สำหรับการก่อเหตุดังกล่าวถือได้ว่าทางผู้ประกอบการร้านค้ามีความพร้อมในการรับมือเนื่องจากผู้ประกอบการร้านค้าในละแวกใกล้เคียงมีการแจ้งเพื่อให้ช่วยกันสกัดกั้นกลุ่มคนร้าย จึงทำให้กลุ่มคนร้ายไม่สามารถก่อเหตุได้สำเร็จ อีกทั้งยังได้รับความร่วมมือจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในการร่วมติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุอีกด้วย

โดยต่อมาเมื่อเวลา 12.40 น.ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ร.ต.ท.รุ่งคุณ จันทโชติ พนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ พร้อมกำลัง ได้ควบคุมตัวนายซุน จุน เหวย อายุ 27 ปี นายลี คุน เปง อายุ 26 ปี และนายหม่า เกิง อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาชาวจีน แก๊งปล้นปืน ย่านวังบูรพา มายื่นคำร้องฝากขังต่อศาลครั้งแรก โดยพนักงานสอบสวน ระบุพฤติการณ์สรุปว่า

เมื่อวันที่ 4 มี.ค.2559 เวลาประมาณ 09.40 น. นายเซียง หยาง ผู้ต้องหา ซึ่งเป็นหัวหน้า กับพวก คือผู้ต้องหาทั้งสาม และนาย วู ซิง จุน ซึ่งถึงแก่ความตาย รวม5 คน ได้ร่วมกันใช้อาวุธปืนปลอม 2กระบอก มีดปลายแหลม 2 เล่ม เข้าร่วมกันปล้นทรัพย์ ร้านจำหน่ายอาวุธปืน อินเตอร์ อาร์ม เลขที่ 127 /17 ถ.เจริญกรุง แขวงวังบูรพา ภิรมย์ เขต พระนคร กทม. โดยมีการวางแผนมาดูลาดเลา ล่วงหน้า กระทั่งวันเกิดเหตุผู้ต้องหา 4 คน ได้ขี่ จยย. 2 คัน ซ้อนท้ายกันมา โดยมีนายเซียง หยาง เป็นหัวหน้า และใช้วิทยุสื่อสาร คอยสั่งการบริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุ เมื่อนายปกรณ์ แดงละม้าย เจ้าของร้าน กับนางกัญธิรา ลิ้มอุปถัมภ์ และนายสิทธินนท์ มณฑาพันธ์ พนักงาน มาเปิดร้าน พวกผู้ต้องหาที่แอบซุ่มรอจังหวะอยู่ ได้กรูกันเข้าไปในร้านใช้ถูกมีดจี้ ข่มขู่นายปกรณ์ เจ้าของร้านที่นั่งอยู่โต๊ะทำงาน และนายสิทธินนท์ ให้ส่งมอบอาวุธปืน และทรัพย์สินอื่น ๆ แต่ทั้งสองต่อสู้ ขัดขืนผู้ต้องหาจึงใช้มีดแทงทำร้าย ได้รับบาดเจ็บสาหัสทั้งสองคน นายปกร์ จึงร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ พวกผู้ต้องหาจึงพากันหลบหนีพร้อมกุญแจรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ของนายปกรณ์เตรียมขึ้น จยย.เพื่อหลบหนี แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นายใช้อาวุธปืนยิงเพื่อขัดขวางผู้ต้องหา กระสุนถูกนาย วู ซิง จุน ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตต่อมา ส่วนผู้ต้องหาอีก 3 คนถูกจับกุมได้ โดยนายซุน จุน เหวย ได้รับาดเจ็บสาหัส รักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ และถูกอายัดตัวไว้ พร้อมแจ้งข้อหาดำเนินคดี ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมี และใช้ยานพาหนะ พื่อสะดวกแก่การกระทำผิด พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ และ พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม ชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสามให้การรับสารภาพ ขณะที่นายเซียง หยาง หัวหน้า หลบหนีไปได้

ทั้งนี้พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัว และทำการสอบสวนผู้ต้องหามาโดยตลอด แต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องทำการสอบปากคำพยานเพิ่มเติมอีก 6ปาก รอผลการตรวจพิสูจน์ของกลาง จากกองพิสูจน์หลักฐาน และรอผลการการตรวจสอบประวัติการต้องคดีของผู้ต้องหา จากกองทะเบียนประวัติ อาชญากร สตช. ด้วยความจำเป็นดังกล่าวจึงขอฝากขังผู้ต้องหาไว้เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 5 –16 มี.ค.นี้

ท้ายคำร้อง พนักงานสอบสวน ขอคัดค้านการประกัน เนื่องจากพวกผู้ต้องหาเป็นชาวต่างชาติ ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ทั้งเป็นคดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ หากปล่อยชั่วคราว เกรงผู้ต้องหาจะหลบหนี

ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาผ่านล่ามภาษาจีนแล้ว ไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้



 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น