“พาณิชย์” เจรจา ทอท.ขอใช้พื้นที่สนามบินเชียงใหม่-ภูเก็ต ขายสินค้าโอทอป-เอสเอ็มอี

“พาณิชย์” เดินหน้าเจรจา ทอท.ขอใช้พื้นที่สนามบินเชียงใหม่และภูเก็ตเปิดพื้นที่ขายสินค้าโอทอปและเอสเอมอี หลังที่สุวรรณภูมิติดลมบนไปแล้ว และที่ดอนเมืองกำลังปรับปรุงพื้นที่ พร้อมดึงผู้ซื้อรายใหญ่กว่า 30 รายคัดสินค้าโอทอปไปขาย เพิ่มช่องทางการตลาดให้ผู้ผลิต

น.ส.ผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมฯ อยู่ระหว่างการเจรจาบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เพื่อขอใช้พื้นที่ภายในสนามบินที่อยู่ในความดูแลของ ทอท. นำสินค้าของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) และสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (โอทอป) ไปวางจำหน่าย โดยเบื้องต้นได้รับการตอบรับให้ใช้พื้นที่สนามบินเชียงใหม่ และสนามบินภูเก็ตแล้ว ซึ่งจะทำให้สินค้าเอสเอมอีและโอทอปมีช่องทางการจำหน่ายเพิ่มขึ้น

โดยก่อนหน้านี้มี 2 สนามบินที่ได้ให้พื้นที่ในการเปิดจุดจำหน่ายสินค้าโอทอปและสินค้าเอสเอ็มอีแล้ว คือสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งได้ร่วมมือกับคิงเพาเวอร์ในการนำสินค้าไปจำหน่าย ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยในปี 2558 ที่ผ่านมามียอดขายกว่า 60 ล้านบาท และในส่วนของสนามบินดอนเมืองกำลังอยู่ระหว่างการปรับปรุงพื้นที่

ทั้งนี้ กรมฯ ยังมีแผนที่จะผลักดันสินค้าเอสเอ็มอีและสินค้าโอทอปไปวางจำหน่ายปลีกตามช่องทางต่างๆ โดยจะผลักดันให้ขายผ่านห้างสรรพสินค้า ศูนย์โอทอปที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว และขายผ่านร้านค้าปลีกค้าส่งที่กรมฯ ส่งเสริมซึ่งมีอยู่ทั่วประเทศ โดยในส่วนนี้จะเน้นสินค้าโอทอประดับ 1-2 ดาว เพื่อทดลองตลาดและเพิ่มโอกาสขายให้แก่ผู้ผลิต

น.ส.ผ่องพรรณกล่าวว่า สำหรับการจัดเจรจาธุรกิจและเชื่อมโยงการตลาด โอทอป ซีเล็กต์ ที่เชิญผู้ซื้อรายใหญ่ 30 ราย เช่น คิงเพาเวอร์ ซีพีออลล์ บุญรอดบริวเวอรี่ เซ็นทรัลฟู้ด รีเทล เครือเดอะมอลล์ กรุ๊ป Shop Channel ทั้งในและต่างประเทศ และชอปปิ้งออนไลน์ หรือ e-Marketplace มาเจรจากับผู้ประกอบการสินค้าโอทอป ซีเล็กต์ ที่ได้คัดเลือกสินค้าโอทอประดับ 4 ดาว 5 ดาว จาก 77 จังหวัดทั่วประเทศ ประมาณ 300 กว่าสินค้า คาดว่าจะมียอดการซื้อสินค้าภายใน 2 วันที่จัด คือ 15-16 มิ.ย. ประมาณ 60 ล้านบาท และยังเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการให้ได้มีช่องทางการจำหน่ายสินค้าเพิ่มขึ้น

โดยสินค้าโอทอปที่คัดเลือกมาจะเป็นระดับ 4 ดาว 5 ดาว จับกลุ่มตลาดบนไปวางขายช่องทางทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ซึ่งบางสินค้าสามารถส่งออกไปต่างประเทศได้เลย เพราะมีผู้ซื้อที่นำไปขายต่อจากจีนและสิงคโปร์เข้าร่วมเจรจาด้วย ซึ่งจะนำสินค้าไปจำหน่ายทั้งในจีนและมาเลเซีย โดยสินค้าที่ได้รับความนิยมคือ กลุ่มอาหาร มีสัดส่วนถึง 40% รองลงมาคือ เสื้อผ้าแฟชั่น

สำหรับการเจรจาธุรกิจและเชื่อมโยงการตลาดโอทอป ซีเล็กต์ มีกิจกรรม 2 รูปแบบ คือ การจัด Showcase สินค้าภายใต้แนวคิด “กินดี (อาหารและเครื่องดื่ม) อยู่ดี (ของใช้ ของที่ระลึก) สวยดี (เสื้อผ้า) และดูดี (สมุนไพรที่มิใช่อาหาร)” และกิจกรรมเจรจาธุรกิจเพื่อต่อยอดทางการตลาดและจับคู่ทางธุรกิจ ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ได้รับการคัดเลือกจำนวน 367 รายการ ประเภทสินค้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ อาหารและเครื่องดื่ม 145 รายการ เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย 100 รายการ ของใช้ของตกแต่งบ้าน 70 รายการ และสมุนไพรที่มิใช่อาหาร 58 รายการ