“พาณิชย์” มีมติเปิดทบทวนใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้ากระเบื้องปูพื้นและติดผนังจากจีน โดยเรียกเก็บอากรเอดีอัตราร้อยละ 2.18-35.49 ต่อไปอีก 1 ปี หลังพบยังมีการทุ่มตลาดอยู่ หากยุติจะทำให้อุตสาหกรรมภายในประเทศเสียหาย พร้อมแจงการพิจารณาใช้มาตรการเอดี ซีวีดี สินค้าเหล็ก ทำตามขั้นตอน โปร่งใส ตรวจสอบได้ ไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ระบุหากใครพบมีการทุจริตให้แจ้งมาจะจัดการขั้นเด็ดขาด
นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ในฐานะเลขานุการและกรรมการคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ทตอ.) เปิดเผยว่า ทตอ.ได้มีมติให้เปิดทบทวนความจำเป็นในการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้ากระเบื้องปูพื้นและติดผนังที่มีแหล่งกำเนิดจากจีน ตามมาตรา 57 แห่ง พ.ร.บ.การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. 2542 โดยจะเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้ากระเบื้องปูพื้นและติดผนังจากจีนในอัตราเดิม คือ ร้อยละ 2.18-35.49 ของราคาซีไอเอฟ เป็นระยะเวลา 1 ปี และได้มีการประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาแล้วเมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2559 ที่ผ่านมา
“การเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าดังกล่าว เป็นไปตามคำขอของกลุ่มอุตสาหกรรมเซรามิก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่พบว่ามีมูลเกี่ยวกับการทุ่มตลาด ความเสียหาย และเชื่อได้ว่าหากยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาด จะทำให้มีการทุ่มตลาดต่อไปหรือทำให้การทุ่มตลาดฟื้นคืนมาอีก จึงได้เปิดให้มีการทบทวน และการดำเนินการก็เป็นไปตามหลักปฏิบัติขององค์การการค้าโลก (WTO)” นางดวงพรกล่าว
นางดวงพรกล่าวว่า สำหรับการพิจารณาใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนสินค้าจากประเทศต่างๆ โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มเหล็ก กรมฯ ได้ดำเนินการตามขั้นตอนและวิธีการไต่สวนอย่างเข้มงวด ชัดเจน เจ้าหน้าที่ผู้ไต่สวนได้ปฏิบัติตามกฎ กติกา และข้อมูลหลักฐานที่ได้รับจากทุกฝ่ายอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน และไม่มีอำนาจที่จะชะลอหรือกลั่นแกล้งเพื่อให้การไต่สวนล่าช้าหรือเป็นประโยชน์ต่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ทั้งนี้ การไต่สวนกรณีตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนจะใช้ข้อมูลที่ได้จากการตอบแบบสอบถามของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและข้อมูลอื่นๆ ที่มีความน่าเชื่อถือและผ่านการตรวจสอบมาแล้ว ซึ่งเมื่อกรมฯ ได้ประมวลข้อเท็จจริงและผลการไต่สวนแล้วเสร็จ จะต้องเสนอให้คณะกรรมการ ทตอ.พิจารณาวินิจฉัยเพื่อใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนต่อไป ซึ่งไม่สามารถทำการบิดเบือนข้อมูล เพื่อโอนเอียงเข้าข้างผู้หนึ่งผู้ใดได้
“ที่มีข่าวว่าข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ไต่สวนมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนสินค้าอย่างไม่เป็นธรรม มีพฤติกรรมโอนเอียงเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งและรับผลประโยชน์จากบริษัทต่างชาตินั้น ขอยืนยันว่าเป็นการกล่าวหาที่เลื่อนลอยและไม่เป็นความจริง มีเจตนาให้เกิดความเข้าใจผิดต่อการปฏิบัติหน้าที่ของกรมฯ ทั้งๆ ที่กรมฯ ได้ดำเนินการไต่สวนการทุ่มตลาดและการอุดหนุนเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายทุกอย่าง” นางดวงพรกล่าว
อย่างไรก็ตาม หากสื่อหรืออุตสาหกรรมภายในประเทศ ยังมีความกังวลใจหรือไม่เข้าใจในเรื่องการไต่สวนการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าจากประเทศต่างๆ หรือมีหลักฐานความไม่ชอบมาพากลในเรื่องใด สามารถหารือกับอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศได้โดยตรง และหากมีข้อมูลหรือหลักฐานว่าข้าราชการกระทรวงพาณิชย์คนใดทุจริตคอร์รัปชันก็ไม่ควรกล่าวหาลอยๆ แต่ควรส่งหลักฐานให้กระทรวงพาณิชย์ทันที เพื่อที่จะได้ดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบและกฎหมายต่อเจ้าหน้าที่ที่ทำการทุจริตคอร์รัปชันต่อไป