“พาณิชย์” จัดคณะผู้แทนการค้าบุกขายข้าวโมซัมบิก-เคนยา

“พาณิชย์” เตรียมนำคณะผู้แทนการค้าบุกขายข้าวโมซัมบิก-เคนยา วันที่ 9-16 ก.ค.นี้ มั่นใจขายได้แน่ หลังหลายประเทศในแอฟริกามีความสนใจ และเริ่มมีกำลังซื้อจากราคาน้ำมันที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้น ด้านเอกชนเป็นห่วงการขายแบบสินเชื่อ หวั่นตามหนี้ข้าวคืนยาก

น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์จะจัดคณะผู้แทนการค้าภาครัฐและเอกชนไทยเดินทางไปเจรจาการค้ากับผู้นำเข้าข้าวภาครัฐและเอกชน ณ สาธารณรัฐโมซัมบิกและสาธารณรัฐเคนยา ระหว่างวันที่ 9-16 ก.ค. 2559 เพื่อเจรจาผลักดันการส่งออกข้าวและสินค้าอื่นๆ ให้ขยายตัวมากขึ้น โดยเฉพาะการเจรจาขายข้าว ที่คาดว่าจะมียอดการสั่งซื้อเพิ่มขึ้น และยังจะหาทางกระชับความสัมพันธ์ทางการค้า รวมทั้งสำรวจลู่ทางการค้าและการลงทุนกับทั้งสองประเทศด้วย

“ขณะนี้หลายประเทศในตลาดภูมิภาคแอฟริกาได้ติดต่อขอซื้อข้าวจากสต๊อกรัฐบาลของไทย เนื่องจากกำลังซื้อประเทศในกลุ่มแอฟริกาเริ่มกลับคืนมาจากการที่ระดับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเริ่มฟื้นตัวขึ้นมา กระทรวงฯ จึงจัดคณะเดินทางไปตลาดแอฟริกาเพื่อขายข้าว ซึ่งอาจจะเป็นรูปแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) หรือเอกชนกับเอกชน (บีทูบี) โดยต้องหารือกันก่อน และจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการระบายข้าวสต๊อกรัฐบาลของไทย” น.ส.ชุติมากล่าว

นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ตลาดแอฟริกามีความต้องการนำเข้าข้าวในปริมาณมาก แต่ภาคเอกชนยังมีความกังวลในเรื่องระบบการจ่ายเงินที่อาจมีปัญหา เพราะแอฟริกาประสบปัญหากำลังซื้อลดลง หลายประเทศไม่มีเงิน ทำให้การขายข้าวของไทยอาจต้องให้สินเชื่อกับประเทศผู้ซื้อในแอฟริกา ซึ่งกังวลว่าหากให้สินเชื่อจะจ่ายล่าช้าและอาจกลายเป็นหนี้สูญ เหมือนกับที่ไทยเคยขายข้าวให้เกาหลีเหนือโดยให้สินเชื่อ และสุดท้ายกลายเป็นหนี้สูญในที่สุด

“รัฐบาลต้องพิจารณาให้ดีๆ ในการให้สินเชื่อ หรือหากมีวิธีการอื่นที่ดีและสามารถขายข้าวในสต๊อกรัฐบาลออกไปได้ ก็จะเป็นประโยชน์แก่ประเทศ แต่ต้องมีการเจรจากันอย่างรอบคอบ ส่วนวิธีการแลกเปลี่ยนสินค้า (บาเตอร์เทรด) คงเกิดยาก เพราะวิธีการยุ่งยากเกินไป” นายชูเกียรติกล่าว

นายชูเกียรติกล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ราคาส่งออกข้าวไทยในปัจจุบัน ราคาส่งออกข้าวขาว 5% ได้ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 441 เหรียญสหรัฐ/ตัน ซึ่งเป็นระดับราคาสูงสุดในรอบ 2 ปี โดยราคาส่งออกข้าวไทยห่างจากราคาส่งออกข้าวชนิดเดียวกันของเวียดนามประมาณ 60-70 เหรียญสหรัฐ/ตัน ซึ่งราคาส่งออกข้าวเวียดนามอยู่ที่ 375 เหรียญสหรัฐ/ตัน เป็นผลมาจากผลผลิตข้าวไทยได้รับความเสียหายมากกว่าผลผลิตข้าวของเวียดนาม เนื่องจากผลผลิตข้าวนาปรับรอบแรกของไทยที่ออกช่วงเดือน มี.ค.ที่ผ่านมาได้รับความเสียหายถึง 40-50% หรือข้าวเปลือกลดลงไป 2 ล้านตัน จากผลผลิตปกติ 5 ล้านตัน ราคาข้าวไทยจึงปรับตัวสูงขึ้นมาก

“ราคาข้าวไทยที่ห่างเวียดนามมากถึง 60-70 เหรียญสหรัฐ จะกระทบต่อการส่งออกข้าวไทยในไตรมาส 2 และไตรมาส 3 มีปริมาณส่งออกลดลง เพราะประเทศผู้ซื้ออย่างจีน หรือแม้แต่ฟิลิปปินส์จะเลือกซื้อข้าวกับประเทศที่มีราคาถูกกว่า ซึ่งต้องจับตาดูปริมาณข้าวนาปรังที่ออกมารอบ 2 ช่วง ส.ค.-ก.ย.นี้ หากปริมาณไม่ลดลงมาก ก็อาจทำให้ราคาข้าวไทยอ่อนตัวและกลับมาแข่งขันได้ดีขึ้น โดยสมาคมฯ ยังคงเป้าหมายการส่งออกข้าวทั้งปีของไทยไว้ที่ 9 ล้านตัน” นายชูเกียรติกล่าว