“พาณิชย์” เปิดประมูลข้าว 1.67 แสนตัน มีเอกชนทั้งรายเล็ก กลาง ใหญ่ เข้าร่วมยื่นประมูลคึกคัก ผ่านเกณฑ์ถึง 46 ราย จาก 49 ราย เผยผลการเปิดซองไม่มีรายใดผ่านเกณฑ์ราคาขั้นต่ำ เตรียมต่อรองผู้ยื่นราคาสูงสุดให้เพิ่มหรือให้ยืนราคา ก่อนนำเสนอ นบข. เคาะขายหรือไม่ขาย เอกชนยันเสนอราคาแพงขึ้นกว่าปกติแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (7 ส.ค.) กระทรวงพาณิชย์ได้เปิดให้มีการยื่นซองเสนอราคาประมูลข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลจำนวน 1.67 แสนตัน ตั้งแต่เวลา 08.30-11.00 น. ปรากฏว่ามีเอกชนทั้งรายเล็ก กลาง และใหญ่ เข้าร่วมยื่นซองเสนอราคารวมทั้งสิ้น 48 ราย
จากนั้นในเวลา 11.00 น. นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ได้ประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ในการกำหนดราคาขั้นต่ำ (Floor Price) สำหรับการประมูลข้าวแต่ละชนิดในครั้งนี้
นางดวงพรกล่าวก่อนเข้าประชุมว่าจะใช้ราคาขั้นต่ำเป็นเกณฑ์ในการเปิดซอง หากรายใดเสนอราคาสูงกว่าราคาขั้นต่ำ และเสนอราคาสูงสุดกว่ารายอื่นก็จะอนุมัติขายให้รายนั้น หรือหากเสนอราคาต่ำกว่าราคาขั้นต่ำก็จะเปิดโอกาสให้เสนอราคาเพิ่มขึ้นเพื่อให้เท่ากับหรือมากกว่าราคาขั้นต่ำก็จะชนะการประมูลไป แต่หากเสนอราคาต่ำกว่าราคาขั้นต่ำก็จะไม่ขาย
อย่างไรก็ตาม ในการเปิดประมูลข้าวครั้งนี้ได้ทำกล่องรับฟังความคิดเห็นเพื่อให้ผู้เข้าร่วมประมูลได้เสนอแนะความคิดเห็นสำหรับการประมูลในครั้งต่อๆ ไป โดยจะนำข้อคิดเห็นที่ได้เสนอต่อคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) พิจารณากำหนดหลักเกณฑ์การประมูลข้าวให้เหมาะสม
น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การประมูลครั้งนี้ได้รับความสนใจจากภาคเอกชนเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเป็นการประมูลแบบโปร่งใส ตรวจสอบได้ และคาดหวังว่าผู้เสนอซื้อจะให้ราคาสูงกับภาครัฐ
รายงานข่าวแจ้งว่า ในเวลา 13.30 น.จะมีการเปิดซองเสนอราคา และมีการนำผลการเสนอราคาขึ้นทางหน้าจอเพื่อให้ผู้เข้าร่วมประมูลได้รับทราบ
จากนั้นเมื่อเวลาประมาณ 16.40 น. นางดวงพร ได้เปิดเผยภายหลังการเปิดซองราคาข้าวว่า เอกชนทุกรายเสนอราคาใกล้เคียงกับราคาขั้นต่ำ (Floor Price) ที่กรมฯ กำหนด แต่ไม่ปรากฏว่ามีรายใดผ่านเกณฑ์ราคา ซึ่งจะมีการเจรจาต่อรองผู้ที่ให้ราคาสูงสุดว่าจะขยับราคาได้หรือไม่ หรือจะยืนราคาที่เสนอเดิม จากนั้นก็จะนำเสนอให้ นบข. พิจารณาอนุมัติหรือไม่อนุมัติต่อไป
“ถ้าไม่เพิ่มราคา ก็จะเสนอผู้ที่ให้ราคาสูงสุดให้ นนข. พิจารณาว่าจะขายหรือไม่ขาย เพราะเราไม่ได้ขอยืดหยุ่นในเรื่องราคาขั้นต่ำเอาไว้ และครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรก อาจเดากันไม่ถูก รัฐคิดยังไง เอกชนผู้ประมูลคิดยังไง เป็นการมองต่างกัน และไม่หนักใจที่ผลออกมาแบบนี้”
ทั้งนี้ สำหรับราคาขั้นต่ำ กรมฯ ยืนยันว่าเป็นราคาที่เหมาะสม โดยมีกรรมการจากหลายๆ หน่วยงาน ได้แก่ กรมการค้าต่างประเทศ กรมการค้าภายใน สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงการคลัง และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) มาช่วยกันคิด
ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า การเปิดประมูลข้าวของกระทรวงพาณิชย์ครั้งนี้ ได้รับการตอบรับจากเอกชนเป็นอย่างดี โดยราคาข้าวเฉลี่ยที่เอกชนเสนอซื้อ ข้าวขาว อยู่ที่กิโลกรัม (กก.) ละ 13 บาทขึ้นไป ส่วนข้าวหอมมะลิเสนอซื้อเฉลี่ยราคา กก. ละ 25-27 บาทแพงขึ้นจากปกติตันละเกือบ 500 บาท
“ราคาข้าวตอนนี้ มีแนวโน้มสูงขึ้น เพราะคู่แข่งไม่มีข้าว หลายประเทศเริ่มซื้อข้าวเก็บ เพราะกังวลสภาพอากาศปีหน้า ส่งผลให้ราคาข้าวขาวเพิ่มขึ้นจากตันละ 390 เหรียญสหรัฐมาอยู่ที่ตันละ 450 เหรียญสหรัฐ มีโอกาสขยับถึง 500 เหรียญสหรัฐ และข้าวหอมมะลิจากตันละ 970-980 เหรียญสหรัฐ มาอยู่ที่ตันละ 1,050 เหรียญสหรัฐ ขณะที่ราคาข้าวเปลือกก็เพิ่มขึ้นจากตันละ 7,000 บาทเป็นตันละ 8,500 บาท”
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า การประมูลข้าวในครั้งนี้เอกชนต้องมีต้นทุนเพิ่มในด้านการขนส่งและการปรับปรุงคุณภาพประมาณ 3,000 บาทต่อตัน เนื่องจากบางกองเป็นข้าวเก่าและมีฝุ่น แต่ในภาพรวมถือเป็นเรื่องดีที่เปิดประมูลข้าวในช่วงที่ตลาดมีความต้องการ ประกอบกับการปรับหลักเกณฑ์ประมูลใหม่ที่มีการกำหนดราคากลาง และยังไม่มีการเจรจาต่อรองราคาโดยใครเสนอราคาสูงสุดก็เป็นผู้ชนะทันที ทำให้การแข่งขันเสนอราคาไปอย่างโปร่งใสไม่มีการฮั้วราคา ต่างจากครั้งก่อนๆ ที่มักมีเอกชนเพียงรายเดียวชนะประมูลในทุกล็อต และเห็นว่าควรจะระบายข้าวต่อเนื่องทุกสัปดาห์ ครั้งละ 1-2 แสนตัน แต่เมื่อข้าวนาปีออกก็ชะลอการระบายออกไป
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า ผลการเปิดซองประมูลเสนอราคาข้าวเบื้องต้น พบว่าเอกชนมีการเสนอซื้อข้าวขาว 5% เฉลี่ยตันละ 1-1.1 หมื่นบาท โดยราคาตลาดอยู่ที่ตันละ 1.45-1.46 หมื่นบาท ส่วนข้าวหอมมะลิเสนอซื้อเฉลี่ยตันละ 2.75-2.8 หมื่นบาท ขณะที่ราคาตลาดอยู่ที่ตันละ 3.4-3.41 หมื่นบาท