“พาณิชย์” จีบจีน-มาเลย์ซื้อข้าวฤดูใหม่รวม 1.7 ล้านตันเพื่อช่วยดึงผลผลิตออกจากตลาด พร้อมหาช่องทางเสริมขายข้าวผ่านโรงพยาบาล ค่ายทหาร เรือนจำ เตรียมแก้มาตรฐานข้าวหอมมะลิไทยเหลือ 92% อย่างเดียว มั่นใจแนวโน้มราคาข้าวขาขึ้นหลังผลผลิตโลกและของไทยลดลง ส่วนระบายข้าวในสต๊อกเริ่มล็อตแรก ส.ค.นี้ ปริมาณ 2-5 แสนตัน
น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์มีแผนที่จะผลักดันการส่งออกข้าวในระยะเร่งด่วน 3-6 เดือนข้างหน้า โดยจะเจรจาขายข้าวในรูปแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ให้แก่ COFCO ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของจีนให้ซื้อข้าวใหม่ปริมาณ 3 แสนตันตามสัญญาที่ได้จัดทำไว้แล้ว และจะเจรจาขยายสัญญาให้ซื้อเพิ่ม มีเป้าหมาย 1 ล้านตัน รวมทั้งจะเจรจากับผู้ซื้อมาเลเซียที่มีความประสงค์จะซื้อข้าวให้ซื้อข้าวใหม่ประมาณ 7 แสนตัน ซึ่งเชื่อว่าหากเจรจาสำเร็จจะช่วยดึงผลผลิตข้าวฤดูกาลใหม่ปี 2557/58 ที่กำลังจะออกสู่ตลาดได้มาก และมีผลทำให้ราคาข้าวปรับตัวสูงขึ้นได้ต่อเนื่อง
ทั้งนี้ กระทรวงฯ ยังมีแผนที่จะขยายตลาดข้าวสารภายในประเทศ โดยการเชื่อมโยงตลาดและหาช่องทางใหม่ในการขายข้าวไปยังหน่วยงานราชการและหน่วยงานอื่นๆ เช่น โรงพยาบาล ค่ายทหาร และเรือนจำ เป็นต้น ซึ่งมีเป้าหมายในการขายข้าวให้ได้ประมาณ 1.8 แสนตัน
สำหรับมาตรฐานข้าวหอมมะลิไทยที่ผู้ส่งออกได้แสดงความกังวลว่าไม่สามารถปฏิบัติตามได้ โดยเฉพาะมาตรฐานพิเศษที่ 98% โดยกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับแก้ไขประกาศกระทรวงพาณิชย์เรื่องกำหนดให้ข้าวหอมมะลิไทยเป็นสินค้ามาตรฐานและมาตรฐานสินค้าข้าวหอมมะลิไทย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2556 อยู่ โดยจะให้คงเหลือเพียงมาตรฐานเดียว คือ 92% ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้การส่งออกข้าวหอมมะลิไทยมีความคล่องตัวมากขึ้น
น.ส.ชุติมากล่าวว่า กระทรวงฯ ยังได้มีการจัดทำโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต๊อก มีแผนที่จะเก็บสต๊อกข้าวเปลือกในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมากปริมาณ 2 ล้านตัน โดยจะชดเชยดอกเบี้ยให้แก่ผู้ประกอบการในอัตรา 3% ตามวงเงินที่กู้ยืมจากสถาบันการเงิน เริ่มซื้อข้าวตั้งแต่ พ.ย. 2557-ม.ค. 2558 และให้เก็บสต๊อกตั้งแต่ พ.ย. 2557-ก.ค. 2558 ใช้เงินดำเนินการ 315 ล้านบาท
ทั้งนี้ ยังมีมาตรการดูแลราคาข้าวเปลือกโดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โดยจะให้สินเชื่อแก่เกษตรกรในอัตรา 80% ของราคาตลาดเฉลี่ย วงเงินกู้รายละไม่เกิน 3 แสนบาท เพื่อชะลอการขายข้าวเปลือกในช่วงออกสู่ตลาดมาก โดยให้เก็บข้าวไว้ในยุ้งฉางของตัวเอง จะดำเนินการในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีเป้าหมาย 1.5 ล้านตันข้าวเปลือก โดยมีวงเงินดำเนินการ 1,121 ล้านบาท
“แผนการรับมือกับผลผลิตข้าวนาปี 2557/58 ที่กำลังจะออกมา ทั้งการเร่งเจรจาขายข้าวออกไปต่างประเทศ และหาช่องทางใหม่ๆ ในการขายข้าวในประเทศ รวมถึงมาตรการในการเก็บสต๊อกข้าวเปลือกเอาไว้ในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมาก จะช่วยให้ราคาข้าวมีเสถียรภาพ และไม่มีปัญหาราคาตกต่ำ” น.ส.ชุติมากล่าว
น.ส.ชุติมากล่าวว่า แนวโน้มราคาข้าวจากนี้ไปคาดว่าจะอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง เพราะปริมาณผลผลิตข้าวโลกได้รับความเสียหายจากภาวะภัยแล้ง และผลผลิตข้าวของไทยก็มีปริมาณต่ำกว่าที่ประเมินเอาไว้ ขณะที่ประเทศที่นำเข้าข้าวก็เริ่มมีการหาซื้อข้าวเพิ่มขึ้น ซึ่งล้วนแต่ส่งผลดีต่อราคาข้าว ส่วนการระบายข้าวในสต๊อกรัฐบาล กระทรวงฯ ได้มีแผนการระบายข้าวแล้ว ซึ่งกำหนดในช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย. 2557 ก่อนที่ข้าวฤดูกาลใหม่จะออกมาสู่ตลาด คาดว่าเบื้องต้นจะระบาย 2-5 แสนตันในเดือน ส.ค.นี้ โดยข้าวที่นำมาประมูลได้ผ่านการตรวจสอบคุณภาพแล้ว
