ผู้จัดการรายวัน 360 - สาวงาม AEC ห่วงสวย โอกาสทองสินค้าสุขภาพความงามไทยยึดหัวหาด “โอเค ช็อปปิ้ง” ลุยตี 10 ประเทศใน 3 ปี ชูจุดแข็งทำการขายและการตลาดแบบครบวงจร ล่าสุดพร้อมบุกเวียดนามและกัมพูชาในปีนี้ มั่นใจสิ้นปีรายได้โตพรวด 3 เท่าตัว พร้อมแบรนด์ไทยร่วมงานกว่า 300 แบรนด์
นางสาววัชรียา รงค์เดชประทีป กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอเค ช็อปปิ้ง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้จัดจำหน่ายสินค้าสุขภาพและความงามแบบครบวงจรภายใต้ร้าน “โอเค ช็อปปิ้ง” เปิดเผยว่า ปัจจุบันประชากรในกลุ่มประเทศอาเซียน 10 ประเทศมีกว่า 620 ล้านคน มูลค่าจีดีพีรวมกว่า 1.8 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 3% ของทั้งโลก ขณะที่มูลค่ารวมสินค้าสุขภาพและความงามอยู่ที่ 5 แสนล้านบาท โดยปัจจุบันพบว่าแบรนด์ไทยเข้าไปมีส่วนแบ่งของตลาดนี้ในแต่ละประเทศไม่ต่ำกว่า 40-50% เนื่องจากความนิยมของแบรนด์ไทย ทั้งยังพบว่าตลาดสุขภาพและความงามยังโตต่อเนื่องไม่ว่าเศรษฐกิจจะดีหรือไม่ เพราะผู้หญิงยังพร้อมจ่ายจากการที่ให้ความสำคัญต่อเรื่องของสุขภาพและความงามมากขึ้น
ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ จึงรุกตลาดสินค้าสุขภาพและความงามในกลุ่มประเทศอาเซียนด้วยการเปิดร้าน “โอเค ช็อปปิ้ง” จำหน่ายสินค้ากลุ่มสุขภาพและความงามที่เป็นแบรนด์ไทย พร้อมทำการตลาดและการขายแบบครบวงจร ทั้งวางแผนสื่อโฆษณา รีแพกเกจจิ้ง อีเวนต์เปิดตัวสินค้า ภายใต้ช่องทางจำหน่ายทั้งแบบออนไลน์ ออนกราวนด์ พร้อมส่งสินค้าแบบเดลิเวอรี่
ปัจจุบันบริษัทฯ มีการทำตลาดที่พม่าและลาวแล้ว โดยในพม่ามีร้าน “โอเค ช็อปปิ้ง” 2 สาขาที่มัณฑะเลย์ ส่วนในลาวมี 3 สาขาที่เวียงจันทน์ ในปีนี้จึงมีแผนที่จะเข้าไปทำตลาดที่เวียดนามและกัมพูชาเป็นลำดับต่อไป ขณะที่ในไทยปัจจุบันมีอยู่ 4 สาขา ได้แก่ ศรีราชา, เทสโก้ โลตัส หาดใหญ่, เทสโก้ โลตัส ยะลา, เทสโก้ โลตัส สุราษฎร์ธานี รวมแล้วทั้งในและต่างประเทศมีอยู่ 9 สาขา สิ้นปีนี้จะเพิ่มเป็น 12-15 สาขา โดยการลงทุนในต่างประเทศเฉลี่ยสาขาละ 3-5 ล้านบาท ส่วนในไทยเฉลี่ยสาขาละ 1.5-2 ล้านบาท
“การแข่งขันของตลาดสุขภาพและความงามในไทยรุนแรง แต่ใน AEC ยังตามหลังไทยอยู่ราว 5 ปี ทั้งในเรื่องของความนิยม และการทำตลาด บวกกับสินค้าแบรนด์ไทยเป็นที่ยอมรับ ทำให้การทำตลาดใน AEC ง่ายกว่าในไทย บริษัทฯ จึงมุ่งเน้นตลาด AEC เป็นหลัก ส่วนในไทยนั้นทำการตลาดเพื่อช่วยลูกค้าในเรื่องของการตัดราคาจากการขายผ่านโมเดิร์นเทรดรายใหญ่ที่มีอำนาจการต่อรองน้อยกว่า”
นางสาววัชรียากล่าวต่อว่า บริษัทO ตั้งเป้าใน 3 ปีจะสามารถเข้าไปทำตลาดได้ครบทั้ง 10 ประเทศใน AEC ด้วยจำนวนสาขารวมไม่ต่ำกว่า 30 สาขา โดยโมเดลการทำตลาดในแต่ละประเทศจะแตกต่างกัน หลังจากนี้อาจจะมีทั้งเข้าไปลงทุนเองและขายแฟรนไชส์ในลักษณะของการขายให้รายใหญ่เพียงรายเดียวในประเทศนั้นๆ ถึงเวลานั้นมองว่ารายได้ต่างประเทศจะมีสัดส่วนที่ 90% และในประเทศ 10% ส่วนจำนวนสาขาเน้นขยายต่างประเทศเป็นหลัก ขณะที่ในไทยตั้งเป้าให้มีร้าน “โอเค ช็อปปิ้ง” อย่างน้อยจังหวัดละสาขา
ปัจจุบันมีสินค้าแบรนด์ไทยที่จำหน่ายในร้าน “โอเค ช็อปปิ้ง” กว่า 200 แบรนด์ รวมกว่า 1 พันรายการ โดยในช่วงปลายเดือน พ.ค.ศกนี้ จะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ เชื่อว่าจะทำให้แบรนด์ใหม่ๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง หรือในสิ้นปีน่าจะมีมากถึง 300 แบรนด์ ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังพร้อมร่วมงานกับแบรนด์ต่างประเทศที่สนใจให้ “โอเค ช็อปปิ้ง” ทำตลาดด้วยเช่นกัน เชื่อว่าถึงสิ้นปีจะมีรายได้เติบโต 3 เท่าตัวเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา