ผู้จัดการรายวัน 360 - ตลาดปลากระป๋อง 7 พันล้านบาทยังแข่งเดือดด้านราคา “สามแม่ครัว” ครองผู้นำด้วยส่วนแบ่งกว่า 50% เร่งพัฒนาสินค้าใหม่สร้างความหลากหลายให้ผู้บริโภคเลือกตามความต้องการ ทั้งคั่วกลิ้ง น้ำพริก ฉู่ฉี่ มัสมั่น ฯลฯ พร้อมจับมือยักษ์ใหญ่อันดับหนึ่งในญี่ปุ่นแตกไลน์สินค้าใหม่ในเวียดนามก่อนส่งออกไปทั่วโลก
นายเศรษฐา อุดมบัณฑิตกุล กรรมการบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท รอแยลฟู้ดส์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายปลากระป๋องตรา “สามแม่ครัว” เปิดเผยว่า ตลาดรวมปลากระป๋อง (ซาร์ดีนและแมคเคอเรล) มีมูลค่าประมาณ 6-7 พันล้านบาท มีการเติบโตเฉลี่ย 10% โดยผลิตภัณฑ์ “สามแม่ครัว” ถือเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งกว่า 50% มียอดขายในปี 2558 ประมาณ 3 พันล้านบาท และคาดว่าจะเติบโตขึ้น 10-15% ในปี 2559
ตลาดปลากระป๋อง (ซาร์ดีนและแมคเคอเรล) มีการแข่งขันค่อนข้างรุนแรงโดยเฉพาะในตลาดระดับกลางลงล่างที่จะเน้นการแข่งขันด้านราคาเป็นหลัก ขณะที่ “สามแม่ครัว” ถือเป็นสินค้าระดับกลาง-บน มีราคาจำหน่าย 16 บาทขึ้นไป จึงเน้นการแข่งขันด้วยความหลากหลายของผลิตภัณฑ์จากปัจจุบันที่มีประมาณ 25 เอสเคยู ด้วยกำลังการผลิตรวม 250 ตันต่อวัน โดยผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่มีรูปแบบบรรจุภัณฑ์เป็นฝาดึง 95% ส่วนอีก 5% เป็นบรรจุภัณฑ์ประเภทต้องใช้ที่เปิดฝา
ล่าสุดบริษัทฯ มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ คั่วกลิ้งปลาซาร์ดีน และน้ำพริกปลาแมคเคอเรล จากนั้นยังจะมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์อื่นๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อเน้นกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่และสร้างการรับรู้สู่ผู้บริโภคว่าปลากระป๋องสามารถปรุงเป็นอาหารได้หลายชนิด เช่น ฉู่ฉี่, มัสมั่น เป็นต้น โดยบริษัทฯ มีการใช้งบประมาณการตลาด 100 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2558 ประมาณ 20% เพื่อสร้างการรับรู้ผ่านสื่อหลัก คือ สื่อโทรทัศน์ สื่อเคลื่อนที่ และสื่ออินสโตร์ในห้างสรรพสินค้า
นายเศรษฐากล่าวด้วยว่า บริษัทฯ มีเป้าหมายสร้างแบรนด์ “สามแม่ครัว” หรือ “Three Lady Cout” ให้มีความแข็งแกร่งและพัฒนาเป็นแบรนด์ระดับภูมิภาค (Regional Brand) ภายใน 4 ปี โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีการส่งออกไปยังประเทศต่างๆ กว่า 20 ประเทศ มีสัดส่วนรายได้ประมาณ 10% นอกจากนั้นยังมีฐานผลิตในประเทศเวียดนาม มูลค่าประมาณ 1 พันล้านบาท ในเมืองโฮจิมินห์ บนพื้นที่ประมาณ 100 ไร่ ล่าสุดเมื่อปลายปี 2558 ยังได้ขยายโรงงานแห่งใหม่ในเมืองฮานอย รวมกำลังการผลิตปลากระป๋อง (ซาร์ดีนและแมคเคอเรล) ภายใต้แบรนด์ “Three Lady Cout” ด้วยจำนวน 300 ตันต่อวัน
“ตลาดปลากระป๋องในเวียดนามยังเติบโตไม่เต็มที่นักจึงมีโอกาสขยายตลาดได้อีกมาก โดยปัจจุบันบริษัทฯ มียอดขายประมาณ 1 พันล้านบาท ถือเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งประมาณ 60-70% ล่าสุดจึงมีแผนร่วมทุนกับผู้ประกอบการปลากระป๋องอันดับ 1 ของญี่ปุ่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อขยายตลาดในเวียดนามและส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก ส่วนการทำตลาดในพม่าและกัมพูชานั้นถือเป็นผู้นำอันดับหนึ่งต่อเนื่องมานานสิบปีแล้ว” นายเศรษฐากล่าวในที่สุด