ตลาดรวมปลากระป๋องยังโต 5% มูลค่าร่วม 6.2 พันล้านบาท “ซีเล็ค” เดินหน้าขยายฐานผู้บริโภคเจาะตลาดแมสมากขึ้น ทุ่ม 10 ล้านบาทเปิดตัวแคมเปญใหม่ “ซีเล็ค แซ่บซี้ด กรี๊ดรับโชค” แจกชิมฟรีให้ผู้บริโภคกว่า 1 ล้านคนทั่วประเทศ หวังกระตุ้นยอดขายปลาซาร์ดีนและแมคเคอเรลกระป๋องเพิ่มขึ้น 20%
นางสุภัทรา คูรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธีร์ โฮลดิ้ง จำกัด ในเครือ บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ “ทียูเอฟ” ผู้จัดจำหน่ายและทำการตลาดผลิตภัณฑ์ปลากระป๋องตรา “ซีเล็ค” กล่าวว่า บริษัทฯ มีแผนทำการตลาดเชิงรุกในกลุ่มผลิตภัณฑ์ปลากระป๋องในซอสมะเขือเทศมากขึ้น เนื่องจากเล็งเห็นถึงศักยภาพตลาดปลากระป๋องที่มีมูลค่าสูงถึง 6.2 พันล้านบาท มีอัตราการเติบโตประมาณ 5% โดยจะเน้นกลยุทธ์สร้างการรับรู้ให้ผู้บริโภคได้รู้จัก ทดลองชิม และตอกย้ำความแตกต่างด้วยคุณภาพของผลิตภัณฑ์ปลาซาร์ดีนและแมคเคอเรลในซอสมะเขือเทศให้มากขึ้น
ล่าสุดบริษัทฯ ใช้งบประมาณ 10 ล้านบาทในการจัดแคมเปญใหญ่ “ซีเล็ค แซ่บซี้ด กรี๊ดรับโชค” ชูจุดขายเรื่องคัดสรรคุณภาพปลาซาร์ดีนและแมคเคอเรลด้วยปลาเนื้อแน่นชิ้นใหญ่ๆ และซอสมะเขือเทศเข้มข้น ซึ่งสามารถนำไปปรุงเป็นเมนูต่างๆ ได้หลากหลายและประยุกต์ได้กับเมนูของทุกๆ ภาค พร้อมแจกชิมฟรีให้แก่ผู้บริโภคกว่า 1 ล้านคนทั่วประเทศ
นอกจากนี้ ยังเปิดโอกาสให้ลูกค้าร่วมลุ้นรับโชคใหญ่ ทั้งสร้อยคอทองคำ รวม 252 เส้น และรถจักรยานยนต์ Honda Wave 110i ทุกสัปดาห์ รวมไปถึงการกระจายช่องทางการจัดจำหน่ายที่จะเพิ่มสัดส่วนการขายในช่องทางเทรดิชันนัลเทรดให้มากขึ้น เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคยิ่งขึ้น เน้นเจาะกลุ่มแม่บ้านทันสมัยและคนรุ่นใหม่ อายุ 25-45 ปี ในกลุ่ม C+ ขึ้นไป อาศัยอยู่ทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัดที่ต้องการความสะดวกรวดเร็วในการปรุงอาหารด้วยอาหารสำเร็จรูปที่มีราคาคุ้มค่าและให้คุณค่าทางโภชนาการที่ดีต่อสุขภาพ ใส่ใจเรื่องคุณภาพและรสชาติเป็นสำคัญ
“บริษัทฯ เชื่อว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาทในปีนี้ หรือเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% หลังจากที่ผลประกอบการในปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตได้มากถึง 15% โดยปัจจุบันซีเล็คปลาซาร์ดีนและแมคเคอเรลมีสัดส่วนของการตลาดอยู่ที่ 7% โดยตั้งเป้าที่จะเติบโตเป็นสองหลักภายใน 5 ปีข้างหน้า เนื่องจากรูปแบบการดำเนินชีวิตที่รีบเร่งมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนเมืองและกลุ่มคนทำงานที่อาศัยในคอนโดมิเนียมมีมากขึ้น ทำให้การทำครัวแบบกึ่งสำเร็จรูปและบริโภคอาหารพร้อมปรุงสำเร็จมีแนวโน้มสูงขึ้น” นางสุภัทรากล่าวในตอนท้าย