ผู้จัดการรายวัน 360 - “หุ่นยนต์ทำความสะอาด” อวดศักยภาพ หลังปี 58 มีดีมานด์ 7 หมื่นตัว คาดปีนี้คาดพุ่งอีก 15% แซงตลาดหลักเครื่องดูดฝุ่นที่คาดโตเพียง 5% “ทีเอชโรโบติก” บุกหนักลุยโฮมยูส ส่ง “Robot Roomba 980” ตีตลาดบน มั่นใจดันรายได้สิ้นปีโต 30% จากปีก่อนปิดรายได้ 130 ล้านบาท
นายอภิชาติ ลีนุตพงษ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทีเอชโรโบติก จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายหุ่นยนต์ทำความสะอาดอัจฉริยะ “ไอโรบอต” (iRobot) จากสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าปีนี้มีแนวโน้มการแข่งขันดีกว่าปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ เช่น โทรทัศน์ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า ส่วนหุ่นยนต์ทำความสะอาดทั้งแบบหุ่นยนต์ดูดฝุ่นและหุ่นยนต์ถูบ้านกำลังได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้คาดว่าจะเติบโตได้ถึง 15% สูงกว่าภาพรวมตลาดเครื่องดูดฝุ่นที่ปีนี้มองว่าจะโตเพียง 5%
ในปีที่ผ่านมาตลาดหุ่นยนต์ทำความสะอาดมีความต้องการสูงถึง 7 หมื่นตัว แบ่งเป็น กลุ่มพรีเมียม มีราคามากกว่า 1.5 หมื่นบาทขึ้นไป คิดเป็นสัดส่วน 20% หรือราว 1.2 หมื่นตัว กลุ่มระดับกลางราคาต่ำกว่า 1.5 หมื่นบาท ประมาณ 80% หรือกว่า 5.8 หมื่นตัว โดยสินค้าที่ได้รับความนิยมมากสุดอยู่ในราคา 5-8 พันบาท จากราคาต่ำสุดอยู่ที่ 3 พันบาท และสูงสุด 4 หมื่นบาทจากจำนวนผู้เล่นในตลาดทั้งหมดมีประมาณ 8-10 แบรนด์ มีทั้งแบรนด์นอกและผลิตในประเทศ โดยกว่า 5 แบรนด์เป็นระดับพรีเมียม
สำหรับ iRobot ถือเป็นแบรนด์แรกที่เข้ามาทำตลาดในไทยตั้งแต่ปี 2554 หรือ เบื้องต้นวางสินค้าอยู่ในกลุ่มแก็ดเจ็ตเจาะกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบเทคโนโลยีใหม่ๆ เป็นหลัก แต่ละปีมีการนำเข้าสินค้ารุ่นใหม่ 2-3 รุ่น ทั้งนี้ พบว่าหุ่นยนต์ทำความสะอาดเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น ในปีนี้บริษัทฯ จึงเริ่มเข้ามาทำตลาดในกลุ่มโฮมยูสมากขึ้น พร้อมมีการนำเข้าสินค้าใหม่อีก 2-3 รุ่น
ล่าสุดเปิดตัวหุ่นยนต์ทำความสะอาด iRobot รุ่น Roomba 980 ราคา 3.98 หมื่นบาท ถือเป็นรุ่นที่มีความสามารถในการทำความสะอาดสูงสุด ด้วยโหมดทำความสะอาดที่หลากหลาย พร้อมฟังก์ชันการทำงานเชื่อมต่อกับระบบ Cloud เพื่อใช้ควบคุมการทำงานผ่านแอปพลิเคชัน iRobot Home App เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีเช่นที่ผ่านมา ภายใต้กลยุทธ์ทางการตลาดเน้นเดินหน้าให้ข้อมูลสินค้าถึงความแตกต่างและความสามารถของ iRobot พร้อมฝึกอบรมพนักงานทั่วประเทศกว่า 70 หน้าร้านอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมุ่งทำการตลาดผ่านช่องทางออฟไลน์มีเดียและให้ความสำคัญต่อออนไลน์มีเดียมากขึ้น
ปัจจุบันบริษัทฯมีกลุ่มสินค้าทั้งหมด 3 กลุ่มคือ หุ่นยนต์ทำความสะอาด 6 รุ่น, หุ่นยนต์ถูพื้น 1 รุ่น, และหุ่นยนต์ทำความสะอาดสระว่ายน้ำ 1 รุ่น ราคาเฉลี่ยตั้งแต่ 1.65-6 หมื่นบาท ภายใต้ช่องทางจำหน่ายหลักอยู่ 4 ช่องทางคือ 1.“iStudio” ของบริษัท Coppoerwired, Com7 และ SPVi 2.ร้านแก็ดเจ็ต ดอทไลฟ์ (Life) และกิซแมน (Gizman) 3.โมเดิร์นเทรดที่ “เพาเวอร์ บาย” และ “เพาเวอร์ มอลล์” 4. ร้านออนไลน์ทาง “เซ็นทรัล ออนไลน์”, iTruemart และ King Power เป็นต้น รวมแล้วกว่า 70 จุดขาย ซึ่งหลังจากนี้จะขยายจุดขายในกลุ่มโมเดิร์นเทรดให้มากขึ้น
นายอภิชาติกล่าวต่อว่า จากแนวโน้มของตลาดหุ่นยนต์ทำความสะอาดที่ดีต่อเนื่องในไตรมาสหนึ่งที่ผ่านมา ส่งผลให้บริษัทฯ มียอดขายสูงถึง 31% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน และจากการนำเสนอสินค้าใหม่เพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่องเชื่อว่าจะส่งผลให้สิ้นปีนี้จะมีรายได้เติบโตขึ้นอีก 25-30% จากปีก่อนที่ปิดรายได้ไป 130 ล้านบาท