ปตท.ยืนยันได้ดำเนินการแบ่งแยกและคืนทรัพย์สินให้แก่รัฐครบถ้วนตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุดแล้ว
นายชวลิต พันธ์ทอง ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและบริหารความยั่งยืน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตามที่คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) มีความเห็นถึงกรณีการแบ่งแยกทรัพย์สินไม่เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด และมีการฝ่าฝืนมติคณะรัฐมนตรีนั้น ปตท.ขอยืนยันว่าได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดและมติคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอน พร้อมทั้งได้นำเสนอข้อมูลทรัพย์สินของ ปตท. ทั้งก่อนและหลังการแปรรูปต่อศาลฯ เพื่อประกอบการพิจารณา โดยศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งหลายครั้งว่า ปตท.ได้ดำเนินการตามคำพิพากษาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2559 ศาลฯ ได้มีคำสั่งให้ยกคำร้องของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคที่ขอให้เพิกถอนคำสั่งศาลปกครองสูงสุด เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2551 อนึ่ง ปตท.ไม่สามารถดำเนินการแบ่งแยกทรัพย์สินคืนให้รัฐเกินกว่าคำพิพากษาของศาลฯ ได้
ส่วนในกรณีที่ว่า ปตท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ได้ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2550 นั้น ใคร่ขอชี้แจงว่า ปตท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันดำเนินการแบ่งแยกทรัพย์สินตามมติ ครม.แล้ว โดย ครม.ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ โดยไม่ต้องรายงาน ครม.ก่อนดำเนินการแต่อย่างใด จนเมื่อดำเนินการเรียบร้อย กระทรวงการคลังและกระทรวงพลังงานจึงได้รายงาน ครม. เพื่อทราบเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2553 โดย ครม.ไม่มีความเห็นแย้งแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ในส่วนที่ สตง. คตง. มีความเห็นว่า ปตท.มิได้รอความเห็นของ สตง.ก่อนยื่นคำร้องต่อศาลเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2551 นั้น ขอชี้แจงว่า ปตท.ได้นำส่งข้อมูลบัญชีทรัพย์สินทั้งหมดให้ สตง.พิจารณาแล้วตั้งแต่วันที่ 31 มกราคม 2551 ซึ่ง สตง. ไม่มีความเห็นกลับมายัง ปตท.แต่อย่างใด และตามที่ สตง.อ้างว่าได้ส่งรายงานฉบับลงวันที่ 10 ตุลาคม 2551 ให้แก่ ปตท.แล้วนั้น ปรากฏว่ารายงานดังกล่าวเป็นเพียงเอกสารแนบท้ายหนังสือของ สตง. ฉบับลงวันที่ 26 ธันวาคม 2551 เท่านั้น ซึ่ง สตง.นำส่งให้แก่ ปตท.เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2551 และนำส่งศาลฯ ด้วย ซึ่งเป็นเวลาหลังจากที่ศาลฯ มีคำสั่งแล้ว
ทั้งนี้ สตง.ได้มีหนังสือฉบับลงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2552 ถึง ปตท. และศาลฯ อีกครั้งหนึ่ง ระบุว่า “การดำเนินการแบ่งแยกและส่งมอบทรัพย์สินของ ปตท.ให้กระทรวงการคลังตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด จะครบถ้วนและเป็นไปตามคำพิพากษาหรือไม่ขึ้นอยู่กับคำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุดที่จะพิจารณา ซึ่งคำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุดถือเป็นยุติ” ซึ่งเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2552 สำนักงานศาลปกครองสูงสุดได้มีหนังสือแจ้งถึง สตง.ว่า “ได้ติดตามผลการดำเนินงานตามคำพิพากษาของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสี่ และรายงานให้ศาลฯ ทราบ ซึ่งศาลปกครองสูงสุดพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ถึงที่ 4 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการตามคำพิพากษาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว”
“ปตท.ขอยืนยันอีกครั้งว่า การแบ่งแยกทรัพย์สินเป็นไปตามคำพิพากษาและหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด มิได้มีการลัดขั้นตอนตามความเห็นของคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินแต่ประการใด คำพิพากษา คำวินิจฉัย และคำสั่งของศาลปกครองสูงสุดย่อมถือเป็นยุติ และไม่อาจมีบุคคลหรือหน่วยงานอื่นใดจะมีอำนาจกลับคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดได้ อีกทั้ง ข้าราชการ และ/หรือ พนักงานได้ดำเนินการแบ่งแยกทรัพย์สินตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนดโดยสุจริต มิได้มีการแสวงหาประโยชน์หรือกระทำการประพฤติมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐแต่ประการใด” นายชวลิตกล่าวย้ำ