“สุวิทย์” เผยกาตาร์สนใจขยายการลงทุนในไทยและร่วมมือกับไทยไปลงทุนประเทศลุ่มแม่น้ำโขง พร้อมส่งเทียบเชิญ “สมคิด” ไปเยือนเพื่อหารือขยายการค้าการลงทุน เล็งเชิญชาวกาตาร์มาท่องเที่ยวและรักษาพยาบาลในไทย เหตุไทยเป็นเมดิคัลฮับ การให้บริการถูกหลักศาสนา คาดไทยมีโอกาสไปลงทุนก่อสร้าง โรงแรม และขายสินค้า รับกาตาร์เป็นเจ้าภาพจัดบอลโลกปี 65
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้หารือกับนายจาเบอร์ อะลี เอช.เอ. อัดเดาซะรีย์ เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งรัฐกาตาร์ประจำประเทศไทย โดยได้ชี้แจงให้ทราบความคืบหน้าในการจัดทำรัฐธรรมนูญเพื่อให้จัดเลือกตั้งได้ตามกำหนด เสถียรภาพทางการเมืองของไทย และนโยบายในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งทำให้กาตาร์มีความเชื่อมั่น และต้องการที่จะขยายการค้า การลงทุนกับไทยเพิ่มขึ้น โดยสนใจที่จะเข้ามาลงทุน และร่วมลงทุนในประเทศที่ 3 โดยเฉพาะในประเทศกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขง
ทั้งนี้ กาตาร์ยังได้เชิญนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และคณะ เยือนกาตาร์อย่างเป็นทางการ เพื่อให้มีการพบปะหารือกันอย่างใกล้ชิดในการขยายการค้าและการลงทุน และขอให้มีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างหน่วยงานรัฐและเอกชนของทั้งสองฝ่ายด้วย
นายสุวิทย์กล่าวว่า ไทยได้เชิญชวนให้ชาวกาตาร์เดินทางมาท่องเที่ยวและรับการรักษาพยาบาลในไทย เพราะไทยมีจุดแข็งในการเป็นเมดิคัลฮับ และรัฐบาลยังมีมาตรการยกเว้นวีซ่าสำหรับผู้ป่วยและผู้ติดตามรวมไม่เกิน 4 คน เป็นเวลา 90 วัน อีกทั้งมีสิ่งอำนวยความสะดวก และให้บริการที่ถูกต้องตรงตามหลักศาสนา ซึ่งปัจจุบันมีชาวกาตาร์เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวและรักษาพยาบาลในไทยประมาณปีละ 3 หมื่นคน
“กาตาร์แจ้งว่าปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวจากประเทศในกลุ่ม GCC ที่เข้ามารับการรักษาพยาบาลในไทยมากกว่า 1 ล้านคน จึงขอฝากให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องของไทยดูแลนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามารับการรักษาพยาบาลในไทย นอกจากนี้ กาตาร์ได้แจ้งอีกว่าในปี 2565 จะเป็นเจ้าภาพการแข่งขันฟุตบอลโลก จึงมีแผนที่จะก่อสร้างสนามกีฬาแห่งใหม่จำนวนมาก ตลอดจนสิ่งก่อสร้างอื่นๆ อาทิ โรงแรม ที่พักนักกีฬา และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ จึงเป็นโอกาสของไทยที่จะเข้าไปลงทุนในสาขาก่อสร้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงแรม เนื่องจากไทยมีศักยภาพสูงและมีคุณภาพเป็นที่พอใจของกาตาร์ซึ่งจะมีการผลักดันสินค้าและบริการอื่นๆ เข้าสู่กาตาร์เพิ่มขึ้น เช่น อาหารและสินค้าฮาลาล เครื่องปรับอากาศและระบบทำความเย็น เฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ในบ้าน การออกแบบสนามภายนอกอาคาร และการปรับภูมิทัศน์”
สำหรับกาตาร์เป็นคู่ค้าอันดับที่ 25 ของไทยในตลาดโลก และเป็นอันดับที่ 3 ในภูมิภาคตะวันออกกลาง รองจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และซาอุดีอาระเบีย ในระยะ 5 ปีที่ผ่านมา (2554-2558) การค้าระหว่างไทยกับกาตาร์มีมูลค่าเฉลี่ยปีละ 3,584.28 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยเป็นฝ่ายขาดดุลการค้ากับกาตาร์ และในปี 2558 การค้ารวมระหว่างไทยกับกาตาร์มีมูลค่า 3,354.81 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 0.80 ของมูลค่าการค้าทั้งหมดของไทย
สินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปกาตาร์ ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์พลาสติก ตู้เย็น ตู้แช่แข็งละส่วนประกอบ เครื่องซักผ้าและเครื่องซักแห้ง ข้าว เป็นต้น และสินค้านำเข้าสำคัญของไทยจากกาตาร์ ได้แก่ ก๊าซธรรมชาติ น้ำมันดิบ เคมีภัณฑ์ ปุ๋ย และยากำจัดศัตรูพืชและสัตว์ สินแร่โลหะอื่นๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ น้ำมันสำเร็จรูป เยื่อกระดาษและเศษกระดาษ ผลิตภัณฑ์สิ่งทออื่นๆ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ กระดาษ และผลิตภัณฑ์กระดาษ เป็นต้น