คนร.ไฟเขียวแผนส่งมอบที่ดินมักกะสันของ ร.ฟ.ท.ให้คลัง ล้างหนี้ 6 หมื่นล้าน นัดเซ็น MOU 1 ก.ค.นี้ พร้อมมอบ 3 แปลงแรก 105 ไร่ ส่วนที่เหลือส่งมอบหมดใน 2 ปี พร้อมรับทราบ ร.ฟ.ท.เดินรถสีแดงแทนร่วมทุน PPP สั่งทำรายละเอียดเพิ่มเสนอ คนร.ครั้งต่อไปเพื่อทบทวนมติใหม่ ส่วนแอร์พอร์ตลิงก์ยันมติเดิมเปิดให้เอกชนร่วมทุน PPP พร้อมเห็นชอบปรับแผนซื้อรถเมล์ NGV ใหม่ ลดเงินลงทุนจาก 1.3 หมื่นล้าน เหลือ 4.29 พันล้าน เตรียมชง ครม.ทบทวนมติ ด้านการบินไทยฟุ้งแผนปฏิรูปเข้าเป้า คาดปี 59 กำไรสุทธิ 2 พันล้าน
นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ครั้งที่ 2/2559 ที่มี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน วันที่ 20 เม.ย. ได้พิจารณาแผนการส่งมอบพื้นที่ย่านมักกะสันของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) จำนวน 497.11 ไร่ ให้กับกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลังเพื่อแลกกับภาระหนี้สินกว่า 60,000 ล้านบาท โดย ร.ฟ.ท.จะส่งมอบพื้นที่ภายใน 2 ปี และจะมีการลงนามใน MOU ในวันที่ 1 ก.ค. 2559 พร้อมกับการส่งมอบพื้นที่ส่วนแรกจำนวน 105 ไร่ ซึ่งเพิ่มจากที่กำหนดเดิมที่ 77 ไร่ โดยมีค่าใช้จ่ายในการรื้อย้ายทั้งหมดประมาณ 16,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ร.ฟ.ท.ได้กำหนดพื้นที่ส่งมอบออกเป็น 7 พื้นที่ โดยพื้นที่ 1, 2, 3 (สถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์) รวม 105 ไร่ จะส่งมอบทันทีในวันลงนาม MOU พื้นที่ 4, 5 (อาคารคลังพัสดุ) ส่งมอบภายใน 1 ปี หลัง MOU (30 มิ.ย. 2560) พื้นที่ 6, 7 (อาคารโรงงาน โรงพยาบาลบุรฉัตรไชยากร และนิคมรถไฟมักกะสัน) ส่งมอบในกรอบ 2 ปี (31 มี.ค. 2561) ส่วนกรณีที่ ร.ฟ.ท.ต้องการให้คลังจ่ายเงินก้อนแรกให้เป็นค่าดำเนินการส่งมอบพื้นที่ 16,000 ล้านบาทนั้น ซึ่งคลังไม่สามารถจัดหาเงินให้ได้นั้น ล่าสุดเห็นว่าหากคลังหักหนี้ให้ ร.ฟ.ท.ทั้งก้อนได้ ร.ฟ.ท.จะต้องหาเงินมาดำเนินการรื้อย้ายเอง
นอกจากนี้ คนร.ได้พิจารณาข้อเสนอ ร.ฟ.ท.ที่ขอบริหารจัดการเดินรถไฟชานเมืองสายสีแดง (บางซื่อ-รังสิต, บางซื่อ-ตลิ่งชัน) เอง โดยจัดตั้งบริษัทลูก แยกบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินออกจาก ร.ฟ.ท. ซึ่งนายกฯ เห็นชอบในหลักการ โดยให้ ร.ฟ.ท.ไปจัดทำรายละเอียดเพิ่มเติมให้ชัดเจนมากขึ้น พร้อมกับให้กระทรวงคมนาคมยืนยันเสนอกลับมาที่ คนร.อีกครั้งเพื่อพิจารณาแก้ไขมติ คนร.ใหม่ จากเดิมที่ให้เปิดให้เอกชนเข้าร่วมลงทุน (PPP) ในการเดินรถไฟสายสีแดง
ส่วนกรณีที่บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท.จำกัด (แอร์พอร์ตเรลลิงก์) ได้ทำหนังสือเสนอขอบริหารการเดินรถเองและให้เอกชนร่วมลงทุนเฉพาะงานเดินรถในส่วนต่อขยายแอร์พอร์ตลิงก์นั้นเป็นไปไม่ได้ และกระทรวงคมนาคมเห็นว่าควรเข้ากระบวนการ PPP ทั้งหมด โดยส่วนต่อขยายช่วงพญาไท-บางซื่อ-ดอนเมือง รัฐบาลจะเป็นผู้ลงทุนการก่อสร้างงานโยธาไปก่อน แต่หากต่อไปคณะกรรมการ PPP มีมติให้เป็นการร่วมทุนเอกชนซึ่งควรจะครอบคลุมทั้งการก่อสร้างและเดินรถ สามารถแปลงเงินที่รัฐลงทุนงานโยธาไปแล้วเป็นทุนในบริษัทร่วมทุนเอกชนได้ โดย คนร.รับทราบและยืนยันให้แอร์พอร์ตลิงก์เป็นการร่วมทุนเอกชน PPP ตามมติเดิมต่อไป โดย ร.ฟ.ท.จะต้องเร่งศึกษารายละเอียดการร่วมทุนและเสนอคณะกรรมการ PPP ต่อไป
เห็นชอบปรับแผนซื้อรถเมล์ NGV เตรียมชง ครม.ทบทวนมติ
นอกจากนี้ คนร.ยังเห็นชอบการทบทวนแผนจัดซื้อรถเมล์ NGV ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จำนวน 3,183 คัน วงเงิน 13,162.20 ล้านบาทใหม่ เป็นการจัดซื้อรถเมล์ NGV จำนวน 489 คัน วงเงิน 1,735.461 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะปรับเป็นการจัดหารถเมล์ไฟฟ้าจำนวน 200 คัน (คันละ 10 ล้านบาท) วงเงิน 2,000 ล้านบาท ค่าก่อสร้างสถานีประจุไฟฟ้า 268.22 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 2,268.22 ล้านบาท ปรับปรุงสภาพรถเก่า 672 คัน (แบ่งเป็นรถร้อน 500 คัน คันละ 889,000 บาท วงเงิน 445.5 ล้านบาท รถแอร์ 169 คัน คันละ 1.712 ล้านบาท วงเงิน 289.328 ล้านบาท ทำให้ใช้เงินลงทุนลดลงจากที่ ครม.เคยอนุมัติไว้ที่ 13,162.20 ล้านบาท เหลือ 4,292 ล้านบาท โดยจะต้องเสนอ ครม.ขอทบทวนมติต่อไป
การบินไทยฟุ้งแผนปฏิรูป คาดปี 59 มีกำไรสุทธิ 2,000 ล้าน
สำหรับ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) นั้น ที่ประชุม คนร.รับทราบผลการดำเนินงาน ซึ่งฝ่ายบริหารแจ้งว่า ในปี 2559 จะกลับมามีกำไรสุทธิ 2,000 ล้านบาท โดยประมาณการรายได้ไว้ที่ 1.94 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 7% ขณะที่ตั้งเป้าลดค่าใช้จ่ายไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท คาดว่าจะมีกำไรจากการดำเนินงานประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตาม รมว.คลังตั้งข้อสังเกตว่าการมีกำไรปัจจัยหนึ่งมาจากราคาน้ำมันที่ลดลง จึงเห็นว่าการบินไทยควรหาประเด็นอื่นที่จะทำให้ได้ผลประกอบการที่ดีกว่านี้ โดยในปี 2558 การบินไทยได้หยุดการขาดทุน ปี 2559 สร้างความแข็งแกร่งในการแข่งขัน ปี 2560 เป็นการเติบโต มีกำไรในระยะยาว