ผู้จัดการรายวัน 360 - “ซานตาเฟ่” เฉือนงบโฆษณาเอามาทุ่มกลยุทธ์ราคาไม่อั้น 20 ล้านบาท พร้อมเพิ่มความถี่โปรโมชันสู้ตลาดสเต๊กเต็มที่ ด้วยงบลงทุนรวม 260 ล้านบาท หวังดันยอดปีนี้ให้โต 25% ทะลุ 2 พันล้านบาทสวนเศรษฐกิจ
นายสุรชัย ชาญอนุเดช ซีอีโอ บริษัท เคที เรสทัวรองท์ จำกัด ผู้บริหารร้าน “ซานตาเฟ่ สเต๊ก” เปิดเผยว่า การแข่งขันในตลาดสเต๊กมีความรุนแรงขึ้น เนื่องจากมีผู้ประกอบการมากขึ้นและมีการทำโปรโมชันกันมากเพื่อดึงดูดลูกค้าจากตลาดรวมสเต๊กปีนี้ที่คาดว่าจะมีประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท โดยในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาตลาดรวมยังค่อนข้างไม่ค่อยดี โดยในส่วนของ “ซานตาเฟ่” มียอดขายรวมตกบ้าง 10% จากสาขาเดิม แต่ในตลาดรวมเพิ่งจะมาดีขึ้นในช่วงเดือน เม.ย.นี้จากมาตรการของภาครัฐเกี่ยวกับการลดหย่อนภาษี
ในปี 2559 บริษัทฯ วางงบโฆษณาประชาสัมพันธ์ไว้ตั้งแต่ต้นปี 150 ล้านบาท มากกว่าปีก่อนที่ใช้ 80 ล้านบาท แบ่งเป็นงบฯ ด้านสื่อโทรทัศน์ 70% งบฯ ด้านสื่อนอกบ้าน 20% และงบฯ สื่อออนไลน์ 10% แต่ล่าสุดบริษัทฯ ได้ตัดงบลง 20 ล้านบาทเพื่อนำมาใช้ในการทำตลาดโดยเฉพาะเรื่องการทำโปรโมชันด้านราคา
“บริษัทฯ มีนโยบายเน้นการทำโปรโมชันด้านราคามากกว่าปีที่ผ่านมา ทั้งในรูปแบบการออกเมนูใหม่เฉพาะช่วง หรือการนำเมนูเดิมที่มีอยู่ประมาณ 7 เมนูจากทั้งหมดในร้านมาลดราคาตั้งแต่ 10-20% แล้วแต่กรณี โดยคาดว่าในปีนี้จะมีการออกเมนูใหม่ 3 ครั้งและเพิ่มการทำโปรโมชันถี่ขึ้นเป็น 2 เดือนต่อครั้งจากเดิม 3 เดือนต่อครั้ง โดยก่อนหน้านี้ที่เพิ่งจบไปคือสเต๊กบัดดี้ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี”
ล่าสุดออกเมนูใหม่ คือ “สเต๊กไก่ซอสเกาหลี” ขายราคา 64 บาท จากราคาปกติ 128 บาท เป็นเวลานาน 2 เดือน ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 14 มิ.ย. 59 โดยโปรโมชันนี้จะช่วยทำให้มีลูกค้าใหม่ๆ ทั้งยังเพิ่มความถี่ในการเข้าร้านของลูกค้าเพิ่มขึ้นจากเดิม 3 ครั้งต่อเดือน เป็น 4 ครั้งต่อเดือน และเพิ่มค่าใช้จ่ายเฉลี่ยจากเดิม 175 บาทต่อคนในกรุงเทพฯ และ 172 บาทต่อคนในต่างจังหวัด ซึ่งคาดว่าจะช่วยทำให้ยอดขายในช่วงไตรมาสสองเติบโตขึ้น 25% ทั้งที่ปกติแล้วไตรมาสนี้จะทรงตัว โดยมั่นใจว่าปีนี้จะมียอดขายรวมประมาณ 2 พันล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วที่ทำได้ประมาณ 1.4 พันล้านบาท
“สำหรับแผนลงทุนสาขาในปี 2559 ตั้งเป้าเปิดใหม่ 20 สาขา เพิ่มจากปีที่แล้วเปิด 18 สาขา จากปัจจุบันมีรวม 86 สาขา แยกเป็นของบริษัทฯ 55% และแฟรนไชส์ 45% โดยมีสาขากระจายในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเท่ากันคือ 50:50 โดยตั้งแต่ต้นปีได้เปิดไปแล้ว 4 สาขา คือ บิ๊กซี ลพบุรี, ตั้งฮั่วเส็ง, สวนเพลิน พระรามสี่ และบิ๊กซี บางพลี ลงทุนสาขาละ 7 ล้านบาท หรือรวม 140 ล้านบาท ซึ่งหากรวมงบการตลาดโฆษณาแล้วเท่ากับว่าปีนี้ใช้รวม 260 ล้านบาท”
นายสุรชัยยังกล่าวถึงแผนตลาดต่างประเทศด้วยว่า ตามแผนแล้วจะเปิดตลาดต่างประเทศในช่วงปี 2561 โดยให้ความสำคัญประเทศเพื่อนบ้านคือกลุ่ม CLMV ได้แก่ กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม โดยจะเป็นการขายแฟรนไชส์เท่านั้น คาดว่าในปี 2561 จะมี 2 สาขา คือ เวียดนาม และลาว โดยเงื่อนไขแฟรนไชส์นั้นจะคล้ายกับในไทย คือ ลงทุนเฉลี่ย 7 ล้านบาทต่อสาขา ส่วนค่าการตลาดจะไม่มีการเก็บสำหรับร้านในต่างประเทศ