“ซัสโก้” ตั้งเป้ายอดขายน้ำมันโต 8% จากปีก่อนที่มีปริมาณขายน้ำมันทะลุ 1 พันล้านลิตร/ปี โดยจะขยายปั๊มเพิ่มและรุกธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมันเพิ่มขึ้นโดยวางงบลงทุนปีนี้ 200 ล้านบาท ยอมรับไตรมาส 4/58 ขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันฉุดกำไรปี 58 พลาดเป้า
นายชัยฤทธิ์ สิมะโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซัสโก้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าในปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าปริมาณการขายน้ำมันเติบโตขึ้น 8%จากปีที่แล้ว ซึ่งมียอดขายน้ำมันทะลุเป้าที่ตั้งไว้กว่า 1 พันล้านลิตร โดยปีนี้บริษัทจะขยายปั๊มน้ำมันใหม่เพิ่ม 10 แห่ง และเน้นเพิ่มปริมาณการขายน้ำมันผ่านปั๊มน้ำมันมากขึ้นจากเดิมเฉลี่ย 1.5 แสนลิตร/เดือน โดยจะมีกิจกรรมส่งเสริมการขายหลังจากเคมเปญ “ซัสโก้ใจดี๊ดี เติม 500 ลุ้นรวม 5 ล้านบาท” จะสิ้นสุดลงในเดือนนี้
รวมทั้งบริษัทฯ จะจับมือกับพันธมิตรในการขยายธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (Non Oil) ในปั๊มมากขึ้นทั้งร้านกาแฟ และมินิมาร์ท ร้านคาร์แคร์ เป็นต้น โดยปัจจุบันบริษัทมีการดำเนินธุรกิจมินิมาร์ทเองภายใต้แบรนด์ @ Mart คาดจะเปิดเพิ่มอีก 5-10 แห่งในปีนี้จากปัจจุบันมีอยู่ 40 แห่ง นอกเหนือจากจำนวนร้านมินิมาร์ทอื่นๆ ทั้ง ตั้งฮั่วเส็ง 2 แห่ง แฟมิลี่มาร์ท 4 แห่ง Lawson 2 แห่ง เป็นต้น โดยยอมรับว่ารายได้จากธุรกิจ Non Oil ยังน้อยมากเมื่อเทียบรายได้รวม แต่มีกำไรค่อนข้างดี โดยปีที่แล้วรายได้จากธุรกิจ Non Oil อยู่ที่ 50-60 ล้านบาท ปีนี้จะโตขึ้น 20% หรือประมาณ 10 กว่าล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญในการทำตลาดส่งออกน้ำมันไปยังประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น 10% ทั้งลาวและกัมพูชาโดยรายได้จากการส่งออกน้ำมันจะมีสัดส่วนอยู่ที่ 30-40% ของรายได้รวม เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันในประเทศเพื่อนบ้านยังโตอย่างต่อเนื่อง
“ในปีนี้บริษัทฯ วางงบลงทุนไว้ที่ 200 ล้านบาทในการขยายปั๊มน้ำมันใหม่เพิ่มขึ้น 10 แห่ง และปรับปรุงปั๊มน้ำมันเดิม โดยปั๊มใหม่จะเปิดที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล 3-4 แห่งในปีนี้”
นายชัยฤทธิ์กล่าวถึงผลการดำเนินงานในงวดปี 2558ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวมต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2 หมื่นล้านบาท เนื่องจากปลายปี 2558 ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง และบันทึกขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน มีผลทำให้มีกำไรต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 200 ล้านบาท แต่หากพิจารณาปริมาณการขายน้ำมันทั้งปีพบว่าโตตามเป้าหมายอยู่ที่ระดับ 1 พันล้านลิตร
ส่วนกรณีที่รัฐส่งเสริมให้เอกชนรายอื่นเข้ามาดำเนินธุรกิจปั๊มก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) มากขึ้นนั้น นายชัยฤทธิ์กล่าวว่า บริษัทฯ มีความสนใจที่จะขยายปั๊ม NGV เพิ่มมากขึ้นจากปัจจุบันที่มีอยู่ 12 แห่ง แต่ทั้งนี้ คงต้องรอความชัดเจนในเรื่องผลตอบแทนหรือค่าการตลาด เนื่องจากการใช้ NGV มีอัตราทรงตัวหรือลดลงโดยเฉพาะรถบ้าน หลังจากราคาน้ำมันปรับตัวลง ทำให้ลูกค้ากลุ่มนี้หันไปเติมน้ำมันแทน ส่วนรถสาธารณะและรถขนส่งยังมีการใช้ไม่ลดลง
ดังนั้น การจะลงทุนปั๊ม NGV ใหม่จะต้องพิจารณาทั้งทำเลที่ตั้ง และค่าการตลาดด้วย โดยปั๊ม NGV ใหม่ต้องมียอดขายไม่ต่ำกว่า 3-4 แสนกิโลกรัม (กก.) จึงจะอยู่ได้ จากเดิมที่มียอดขายระดับ 2 แสน กก./เดือนก็คุ้มทุน ส่วนปั๊ม LPG ที่มีอยู่ 8 แห่งจะไม่มีการขยายเพิ่มเติมเนื่องจากยอดขายก๊าซแอลพีจีสำหรับรถยนต์หดตัวลง เป็นผลพวงจากราคาน้ำมันที่ต่ำ