ผู้จัดการรายวัน 360 - “เทสโก้โลตัส” ประเมินเศรษฐกิจปีนี้มีแนวโน้มฟื้นตัว ยันลงทุนต่อเนื่อง ไม่หวั่น “บิ๊กซี” เปลี่ยนมือ ปี 59 เดินหน้าขยายสาขาต่อไม่ต่ำกว่า 65 แห่ง พร้อมโหนกระแสโครงการ “ประชารัฐร่วมใจ”
นายจอห์น คริสตี้ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ผู้บริหารเครือข่ายค้าปลีก “เทสโก้ โลตัส” ในประเทศไทย เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจเมืองไทยปี 2559 ยังถือว่ามีความท้าทายเหมือนปีที่แล้ว แต่โดยรวมแล้วคาดว่าสถานการณ์น่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ อย่างช้าๆ พร้อมกับกำลังซื้อที่จะค่อยๆ เริ่มฟื้นตัวขึ้น แต่ “เทสโก้ โลตัส” ยังยืนยันที่จะลงทุนในประเทศไทยต่อเนื่องด้วยเหตุผลหลักๆ คือ ผลประกอบการปีที่แล้วดีมากและมีส่วนแบ่งทางการตลาดมากที่สุด ทั้งยังมีลูกค้าใหม่เพิ่มกว่า 2 ล้านคน ส่งผลให้มีลูกค้าประมาณ 15 ล้านคนต่อสัปดาห์ ประกอบกับยังมีอีกหลายพื้นที่ที่ยังสามารถขยายธุรกิจได้ โดย “เทสโก้ โลตัส” ในไทยถือเป็นตลาดที่ใหญ่และสำคัญที่สุดนอกเหนือจากในอังกฤษ
สำหรับการเปลี่ยนแปลงของคู่แข่งรายสำคัญรายใหญ่อย่าง “บิ๊กซี” ที่เปลี่ยนมือมาเป็นของกลุ่มนายเจริญ สิริวัฒนภักดี นั้น นายจอห์นกล่าวให้ความเห็นเพียงว่า เป็นช่วงของการเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงของคู่แข่ง ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร แต่ก็จะทำธุรกิจของเราให้ดีที่สุดเพื่อรับมือกับการแข่งขัน
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนกลยุทธ์หลัก 3 ด้าน คือ 1. การขยายธุรกิจในปี 2559 จะมีการเปิดสาขาใหม่รวม 5 ฟอร์แมต ไม่น้อยกว่าปีที่แล้วที่เปิดรวมประมาณ 65 สาขา พร้อมจ้างงานอีกกว่า 3 พันตำแหน่ง และจะมีการปรับปรุงสาขาเก่าอีกประมาณ 18 สาขา จากปีที่แล้วที่ปรับปรุง 14 สาขา โดยปัจจุบันมีสาขารวม 1.8 พันสาขาใน 73 จังหวัด โดยสาขาใหญ่จะเน้นเปิดในต่างจังหวัด ส่วนสาขาเล็กจะเน้นเปิดทั่วประเทศ รวมทั้งจะมีการขยายช่องทางออนไลน์ให้มากขึ้นจากปัจจุบันที่มี 2 ส่วนหลัก คือ การขายสินค้าอาหารประมาณ 2 หมื่นรายการผ่านช่องทางของ “เทสโก้ โลตัส” และขายผ่านเว็บไซต์ “ลาซาด้า” ประมาณ 8 พันรายการ ส่วนใหญ่เป็นสินค้าแฟชั่น และเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น โดยในปี 2558 ช่องทางออนไลน์ของ “เทสโก้ โลตัส” มีการเติบโตมากกว่า 100% แต่สัดส่วนยอดขายยังน้อยมาก
2. การลงทุนช่วยเหลือลูกค้า เช่น การปรับราคาลงมาอย่างถาวรในบางกลุ่มสินค้าจากปีที่แล้วเริ่มที่กลุ่มผ้าอ้อม และนมผงเด็ก 10% พร้อมปรับลดราคาสินค้ากลุ่มสแน็ก 10% ในช่วงปลายปี โดยในปี 2559 จะมีการเพิ่มอีกหลายกลุ่ม
3. การลงทุนเพื่อช่วยเหลือเศรษฐกิจไทยภาพรวม โดยได้เข้าร่วมโครงการ “เทสโก้ โลตัส ประชารัฐ ร่วมใจ” รวม 22 โครงการ ผ่านการให้การสนับสนุน 2 ส่วนหลัก คือ โครงการรับซื้อผลผลิตทางการเกษตรโดยตรงจากเกษตรกร และโครงการให้การสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและโอทอป เนื่องจากซัปพลายเออร์หลักของ “เทสโก้ โลตัส” มากกว่า 90% หรือประมาณ 7 พันรายเป็นกลุ่มเอสเอ็มอีและเกษตรกร เช่น โครงการปลูกผักกลางนา ทุ่งกุลาฯ ยิ้มได้ โดยรับซื้อผักบุ้งจีนที่ปลูกโดยชาวบ้าน, โครงการรับซื้อลองกองจากชาวสวนลองกองใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีเป้าหมายรับซื้อรวม 150 ตันในปี 2559, โครงการรับซื้อผักใบจากนิพนธ์ฟาร์ม จ.ลพบุรี เป้าหมายรับซื้อกว่า 180 ตันในปี 2559 ฯลฯ
ทั้งนี้ ในปี 2559 “เทสโก้ โลตัส” มีเป้าหมายที่จะรับซื้อสินค้าจากเกษตรกรโดยตรงรวม 15 แสนตันต่อปี เพิ่มจากปี 2558 ที่ซื้อรวม 1 แสนตัน