xs
xsm
sm
md
lg

คนไทยแชมป์ชอปปิ้งออนไลน์ผ่านโซเชียลมีเดียมากสุดในโลก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

“ศิระ อินทรกำธรชัย” ประธานกรรมการบริหาร และหุ้นส่วน PwC ประเทศไทย
ผู้จัดการรายวัน 360 - PwC เผยผลสำรวจค้าปลีกโลก พบไทยครองแชมป์ซื้อสินค้าโดยตรงผ่านโซเชียลมีเดียมากที่สุดถึง 51% ขณะที่โซเชียลมีเดียเข้ามามีอิทธิพลต่อนักชอปทั่วโลกเกือบ 80% หลังอินเทอร์เน็ตและมือถือแพร่หลายมากขึ้น ระบุกลุ่ม ‘มิลเลนเนียล’ เป็นคนรุ่นใหม่ที่นิยมชอบออนไลน์ผ่านมือถือมากกว่ารุ่นอื่น แนะธุรกิจค้าปลีกปรับตัวคิดค้นนวัตกรรมใหม่ให้ทันกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป

“ศิระ อินทรกำธรชัย” ประธานกรรมการบริหาร และหุ้นส่วน PwC ประเทศไทย หนึ่งในเครือข่ายบริษัทผู้ให้บริการด้านตรวจสอบบัญชี บริการให้คำปรึกษาด้านภาษี และบริการให้คำปรึกษาทางธุรกิจรายใหญ่ของโลก เปิดเผยถึงผลสำรวจ PwC’s Total Retail 2016 ซึ่งทำการสำรวจนักชอปออนไลน์ 2.3 หมื่นรายใน 25 ประเทศทั่วโลก เพื่อติดตามพฤติกรรมของผู้บริโภคผ่านช่องทางค้าปลีก รวมถึงการซื้อสินค้าทางโทรศัพท์มือถือและโซเชียลมีเดีย ว่า ไทยเป็นประเทศที่มีนักชอปออนไลน์ซื้อสินค้าโดยตรงผ่านทางโซเชียลมีเดียมากที่สุดในโลกถึง 51% รองลงมาได้แก่ อินเดีย 32%, มาเลเซีย 31% และจีน 27% ขณะที่ปัจจุบันโซเชียลมีเดียมีอิทธิพลต่อการซื้อสินค้าของนักชอปทั่วโลกไม่ทางใดก็ทางหนึ่งถึง 78%

ผู้บริโภคไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุคที่โซเชียลมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการจับจ่ายสินค้าและบริการมากกว่าอดีต ในขณะที่โทรศัพท์มือถือกลายเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการชอปปิ้งของลูกค้าเช่นกัน เริ่มตั้งแต่การหาข้อมูลของสินค้าและร้านค้าก่อนซื้อ, เปรียบเทียบราคา, อ่านรีวิวของลูกค้าคนอื่น หรือแม้กระทั่งถ่ายรูปสินค้าขึ้นโซเชียลเน็ตเวิร์กเพื่อขอความเห็นจากเพื่อน หรือญาติสนิท และอื่นๆ โดยพบว่าพฤติกรรมการชอปปิ้งผ่านโทรศัพท์มือถือยังเป็นที่นิยมมากของหมู่นักชอปในตลาดเกิดใหม่ โดย 35% ซื้อสินค้าผ่านโทรศัพท์มือถืออย่างน้อยเดือนละครั้ง เปรียบเทียบกับนักชอปในตลาดพัฒนาแล้วเพียง 22%

“ไม่น่าแปลกใจที่นักชอปไทยหันมาซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านโซเชียลมีเดียมากขึ้น เพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมายอดการใช้อินเทอร์เน็ตของประเทศเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว ซึ่งส่วนใหญ่ก็นิยมใช้งานโซเชียลมีเดียผ่านทางสมาร์ทโฟน โดยโซเชียลมีเดียนอกจากจะเป็นช่องทางในการติดต่อสื่อสารแล้ว ยังเป็นช่องทางในการซื้อสินค้าและบริการที่คนไทยนิยมอีกด้วย”

*** “ความสะดวกสบาย” : ปัจจัยหลักในการตัดสินใจซื้อ ***
ทั้งนี้ จากข้อมูลของ We Are Social พบว่า ณ เดือนมกราคม 2559 มีผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียในไทยถึง 38 ล้านคน โดยมีผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียผ่านโทรศัพท์มือถือ 34 ล้านคน จากจำนวนประชากรทั้งสิ้นราว 68.05 ล้านคน

ผลสำรวจของ PwC ยังพบว่า สาเหตุหลักของการตัดสินใจซื้อสินค้าออนไลน์ของนักชอปไทยในปัจจุบันเป็นเพราะความสะดวกสบาย (Convenience) โดยนักชอปไทยกว่า 51% ซื้อสินค้าออนไลน์เพราะเหตุผลดังกล่าว รองลงมาคือเรื่องราคา (Price) คิดเป็น 38% นอกจากนี้ นักชอปไทยถึง 53% ระบุว่ารีวิวและความคิดเห็นของลูกค้ารายอื่นๆ มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าของตนเอง ในขณะที่ 48% ใช้โทรศัพท์มือถือในการเปรียบเทียบราคาสินค้าขณะที่อยู่ในร้านค้า และ 56% พร้อมที่จะซื้อสินค้าจากร้านค้าปลีกออนไลน์ในต่างประเทศหากราคาถูกกว่า

*** “มิลเลนเนียล” : ผู้นำโมบายล์ชอปปิ้ง ***
“อายุและภูมิศาสตร์” ถือเป็นสองปัจจัยหลักที่กำหนดพฤติกรรมการใช้โซเชียลมีเดียในการซื้อสินค้าของนักชอปทั่วโลก โดยผลสำรวจพบว่าโซเชียลมีเดียมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าของผู้บริโภคในตลาดเกิดใหม่ถึง 92% เปรียบเทียบกับตลาดที่พัฒนาแล้ว 66% ขณะที่ผู้บริโภคยุคมิลเลนเนียล (Millennials) ซึ่งมีอายุระหว่าง 18-34 ปีถือเป็นกลุ่มที่มีการโต้ตอบกับร้านค้า หรือแบรนด์ที่ชื่นชอบผ่านทางโซเชียลมีเดียมากกว่ารุ่นอื่นๆ

นอกจากนี้ นักชอปกลุ่มมิลเลนเนียลยังมีพฤติกรรมการซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านทางมือถือมากกว่ารุ่นอื่นๆ โดย 24% ชำระค่าสินค้าผ่านโทรศัพท์มือถือขณะที่อยู่ในร้านค้า เปรียบเทียบกับรุ่นอื่นที่ไม่ใช่มิลเลนเนียลเพียง 16% ขณะที่ 23% ใช้โทรศัพท์มือถือในการสะสมคะแนนเพื่อแลกของรางวัลกับร้านค้ามากกว่ารุ่นอื่นที่ 18%

“ในระยะข้างหน้าการชอปปิ้งด้วยโทรศัพท์มือถือ หรือ “โมบายล์ชอปปิ้ง” จะยิ่งได้รับความนิยมจากผู้บริโภคโดยมีนักชอปมิลเลนเนียลที่เป็นดิจิตอลเนทีฟกลุ่มนี้เป็นตัวขับเคลื่อน หลังจากผู้บริโภคในเอเชียนำโดยจีน ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อสินค้าและบริการออนไลน์จากเครื่องพีซีมาใช้สมาร์ทโฟน ซึ่งจะช่วยเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดและรายได้ของผู้ประกอบการประเภทนี้อย่างมีนัยสำคัญ”

อย่างไรก็ดี แม้ว่าผู้บริโภคจะหันมาซื้อสินค้าออนไลน์เพิ่มขึ้น แต่มีผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยที่ยังต้องการซื้อสินค้าจากหน้าร้าน (Physical Store) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สินค้าประเภทอาหาร หรือของชำ (72%) เฟอร์นิเจอร์ (62%) และเครื่องใช้ภายในบ้าน (59%) ฯลฯ นอกจากนี้ ผู้บริโภคหลายรายยังต้องการข้อมูลและคำแนะนำจากพนักงานขายที่มีความรู้เกี่ยวกับสินค้าเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจซื้อ

ในขณะที่จำนวนนักชอปออนไลน์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สิ่งสำคัญที่ผู้บริโภคต้องการจากผู้ประกอบการ นอกเหนือไปจากการได้รับสิทธิพิเศษเฉพาะสมาชิก เช่น ส่วนลด, คะแนนสะสม หรือการจัดส่งสินค้าฟรี ผ่านโปรแกรมการสร้างความภักดีระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ (Loyalty Programmes) คือ การเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน (Community) ที่ผู้ประกอบการค้าปลีกจัดขึ้นผ่านโปรแกรมการตลาดที่สร้างสรรค์ทั้งในแบบดั้งเดิมและออนไลน์ เช่น การได้รับบริการเฉพาะตามความต้องการของลูกค้า, การรีวิวสินค้าผ่านบล็อกระหว่างลูกค้าด้วยกัน หรือแม้กระทั่งการเข้าร่วมงานที่จัดขึ้นเฉพาะลูกค้า เป็นต้น

“ด้วยวิวัฒนาการของค้าปลีกออนไลน์ที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องเร่งลงทุนและพัฒนานวัตกรรมที่เข้าถึงและตอบโจทย์ โดยเน้นการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้าผ่านช่องทางการชอปปิ้งที่หลากหลายและครอบคลุมทั้งโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะ นอกเหนือจากการให้บริการผ่านร้านค้าทั่วไป”



กำลังโหลดความคิดเห็น