“อภิรดี” ถกทูตเกาหลีใต้ ฝากพิจารณายกเลิกมาตรการห้ามนำเข้าไก่สดไก่แช่แข็ง และมะม่วงพันธุ์มหาชนกจากไทย หารือประสานความร่วมมือเร่งผลักดันการเจรจา RCEP ให้จบปีนี้ และแลกเปลี่ยนข้อมูลการเข้าร่วม TPP พร้อมจีบเกาหลีใต้เพิ่มการลงทุนในไทย
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 12 เม.ย. 2559 นายโน ควัง-อิล เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย ได้เข้าเยี่ยมคารวะเนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ และได้หารือถึงแนวทางขยายการค้าและการลงทุนระหว่างสองประเทศเพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางการค้าที่กำหนดไว้ 2 เท่า หรือประมาณ 22,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2564 ตามผลการเยือนเกาหลีใต้ของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ในการหารือไทยได้ขอให้เกาหลียกเลิกมาตรการห้ามนำเข้าไก่สดไก่แช่แข็ง และการอนุญาตการนำเข้ามะม่วงพันธุ์มหาชนกจากไทย ซึ่งเกาหลีใต้รับจะไปดำเนินการเร่งรัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะที่เกาหลีใต้ได้ยกประเด็นการใช้มาตรการเยียวยาทางการค้ากับสินค้าเหล็กนำเข้าจากเกาหลีใต้ ซึ่งฝ่ายไทยแจ้งว่ากระบวนการต่างๆ เป็นไปตามความตกลงภายใต้กรอบองค์การการค้าโลก (WTO) และมีความโปร่งใส
“ทั้งสองประเทศยังได้หารือถึงการร่วมมือกันผลักดันให้การเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ที่ทั้งไทยและเกาหลีใต้ต่างเป็นสมาชิกอยู่ด้วย ให้มีข้อสรุปภายในปีนี้ตามที่ผู้นำได้ตกลงกันไว้ และยังได้หารือถึงการเข้าเป็นสมาชิกของความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (TPP) เพราะทั้งสองประเทศมีความสนใจเข้าเป็นสมาชิก จึงตกลงที่จะแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน”
อย่างไรก็ตาม ในการหารือครั้งนี้เกาหลีใต้ขอให้ไทยสนับสนุนการรื้อฟื้นกรอบการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจเอเชีย-ยุโรป (EMM) โดยเกาหลีใต้ได้เสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมในปีหน้า อีกทั้งได้แจ้งถึงการเยือนไทยของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศ และการวางแผนอนาคต (MSIP) ซึ่งรับผิดชอบเรื่องเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของเกาหลีใต้ เพื่อประสานงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย โดยเป็นส่วนหนึ่งในการติดตามผลการเยือนเกาหลีใต้ของรองนายกรัฐมนตรี
นางอภิรดีกล่าวว่า เกาหลีใต้เป็นคู่ค้าและนักลงทุนที่สำคัญของไทย จึงได้เชิญชวนเกาหลีใต้ให้ใช้ไทยเป็นฐานการผลิตสินค้าและบริการ ตลอดจนการขนส่งทางบกในภูมิภาคอาเซียนและลุ่มแม่น้ำโขง เนื่องจากไทยมีที่ตั้งเชิงยุทธศาสตร์อยู่บริเวณศูนย์กลางของภูมิภาคซึ่งมีพรมแดนติดประเทศเพื่อนบ้านที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจและเป็นตลาดใหม่ และชักชวนให้เข้ามาร่วมลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษแบบคลัสเตอร์และซูเปอร์คลัสเตอร์ใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมที่เกาหลีใต้เป็นผู้นำและมีศักยภาพ เช่น Cultural Content Industry ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) พลังงานทดแทน อุตสาหกรรมอาหารและร้านอาหาร ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันและการพัฒนาประเทศไปสู่การเป็น Trading Nations และ Digital Economy
สำหรับปี 2558 เกาหลีใต้เป็นประเทศคู่ค้าอันดับที่ 11 ของไทย ในขณะที่ไทยเป็นคู่ค้าอันดับที่ 6 ของเกาหลีใต้ในอาเซียน (รองจากเวียดนาม สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์) สำหรับ 5 ปีที่ผ่านมา (2554-2558) การค้าร่วมไทย-เกาหลีใต้มีมูลค่าเฉลี่ย 13,088.76 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยในปี 2558 การค้าร่วมมีมูลค่า 11,143.94 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 2.67 ของการค้าทั้งหมดของไทย โดยไทยเสียเปรียบดุลการค้า 2,934.55 ล้านเหรียญสหรัฐ
สินค้าส่งออกที่สำคัญของไทยไปเกาหลีใต้ ได้แก่ แผงวงจรไฟฟ้า ยางพารา เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก น้ำตาลทราย เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่นๆ อัญมณีและเครื่องประดับไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบกระดาษและผลิตภัณฑ์กระดาษ เป็นต้น และสินค้านำเข้าที่สำคัญของไทยจากเกาหลีใต้ ได้แก่ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ แผงวงจรฟ้า สินแร่โลหะอื่นๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ พืชและผลิตภัณฑ์จากพืช ผลิตภัณฑ์ทำจากพลาสติก ผลิตภัณฑ์โลหะ เป็นต้น