xs
xsm
sm
md
lg

“คาร์มาร์ท” หั่นสินค้าทิ้ง 50% ผุด รง.แพกเกจ-รุกอาหารเสริม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการรายวัน360 - “คาร์มาร์ท” รุกหนักตลาดความงามปีหน้า รับเออีซีและการแข่งขันที่รุนแรง ปรับกลยุทธ์ ลดแบรนด์เหลือ 10 จากเดิม 30 และลดปริมาณสินค้าเหลือ 1,500 เอสเคยู จากเดิม 3,000 เอสเคยู พร้อมขยายตลาดต่างประเทศมากขึ้น

นายพงศ์วิวัฒน์ ทีฆคีรีกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด และสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ บริษัท คาร์มาร์ท จำกัด (มหาชน) ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าเครื่องสำอางจากต่างประเทศ และเปิดร้านค้าแบรนด์คาร์มาร์ท เปิดเผยว่า บริษัทฯ ปรับแผนธุรกิจปีหน้า 2559 โดยจะลดปริมาณสินค้าลงเหลือ 10 แบรนด์ เป็นของบริษัท 8 แบรนด์ และนำเข้าจากเกาหลีคือมิชชา และอีกแบรนด์อยู่ระหว่างเจรจา จากเดิม 30 แบรนด์ ที่นำเข้าทั้ง เกาหลี จีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น และลดปริมาณสินค้าลงจาก 3,000 เอสเคยู เหลือ 1,500 เอสเคยู

เพื่อให้สามารถโฟกัสการทำตลาดได้ดีขึ้น ซึ่งเมื่อมีแบรนด์มากก็ต้องใช้งบตลาดมาก ล่าสุดเปิดตัว “คริส หอวัง” เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับสินค้าแบรนด์ Cathy Doll Ready2White Series ส่วนงบตลาดปีหน้าจะใช้เพิ่มขึ้น เนื่องจากจะต้องทำการตลาดมากขึ้นเพื่อรองรับการเปิดเออีซี และการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดสินค้าความงาม โดยจะมีการผลิตหนังโฆษณาทีวีใหม่ 6 เรื่อง และเน้นตลาดกลุ่มเมกอัพมากขึ้น จากเดิมปีนี้ใช้งบตลาดรวม 100 ล้านบาท ผลิตหนังโฆษณาประมาณ 5 เรื่อง แต่ส่วนใหญ่เน้นกลุ่มสกินแอคร์ ขณะที่ปีที่แล้วมีเรื่องเดียว

ล่าสุดเปิดตัว “คริส หอวัง” เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับสินค้าแบรนด์ Cathy Doll Ready2White Series โดยสินค้าของบริษัทฯ ทั้งหมดนั้นเป็นการว่าจ้างโออีเอ็มจากโรงงานในเกาหลีผลิตให้แล้วนำเข้ามาแพกเกจจิ้งในไทยในแบรนด์ของบริษัทฯ เอง ซึ่งแบรนด์หลักๆ ที่หมายมั่นปั้นมือจะให้เป็นแบรนด์ระดับรีจินัลในเอเชียคือ Cathy Choo ส่วนแบรนด์อื่น เช่น Cathy Doll, Baby Bright, Jejuvita, REUNROM และ Crayon เป็นต้น

นอกจากนั้นยังได้ขยายไลน์ธุรกิจเข้าสู่อาหารเสริมด้วยในปีนี้ คือ แบรนด์เจจูวิตต้า เบื้องต้นมี 6 เอสเคยูแล้ว วางขายตามค้าปลีกชั้นนำ เช่น เอ็กต้าของเซเว่นอีเลฟเว่น บู๊ทส์ วัตสัน เป็นต้น

รวมทั้งจะเน้นตลาดต่างประเทศมากขึ้นในการขายแฟรนไชส์ร้านคาร์มาร์ท ปัจจุบันมีที่ ตลาดกัมพูชา 3 สาขา, พม่า 3 สาขา, เวียดนาม 2 สาขา และลาว 2 สาขา เป็นการร่วมลงทุน นอกนั้นเป็นดิสทริบิวเตอร์ คือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินเดีย ขณะที่ปีนี้เพิ่งตั้งออฟฟิศในต่างประเทศ 3 แห่ง คือที่ จีน เวียดนาม และมาเลเซีย เพื่อรุกตลาดมากขึ้น

โดยเป้าหมายปีหน้าจะเปิดอีกอย่างต่ำ 5 สาขา สำหรับตลาดในประเทศ สิ้นปีนี้จะมี 75 สาขา เป็นแฟรนไชส์ทั้งหมด ขณะนี้มี 70 สาขา ส่วนปีหน้าวางแผนขายแฟรนไชส์อีก 15 สาขา สำหรับผลประกอบการ ช่วง 11 เดือนที่ผ่านมาสามารถทำได้ตามเป้าหมาย คือ เติบโต 40% และคาดว่าทั้งปีนี้จะเติบโต 40% ตามเป้าหมาย หรือมีรายได้รวม 1,400 ล้านบาท จากรายได้รวมกว่า 1,000 ล้านบาทเมื่อปีที่แล้ว ขณะที่ก่อนหน้านี้เติบโตกว่า 100-200% ในช่วงเริ่มธุรกิจใหม่ๆ สัดส่วนรายได้กรุงเทพฯ กับต่างจังหวัดเท่ากัน

ขณะที่สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศมีเพียง 10% เท่านั้น โดยตั้งเป้าหมายรายได้จากต่างประเทศไว้เป็น 15% ในปีหน้า “บริษัทฯ ไม่เน้นการสร้างหรือลงทุนเปิดร้านเอง เราขายแฟรนไชส์เป็นหลัก โดยเงื่อนไขหลักคือ จ่ายค่าประกันสัญญา 50,000 บาท และจ่ายค่าประกันสินค้า 50,000 บาท ต้องซื้อสินค้าจากบริษัทฯทั้งหมด ที่เหลือผู้ซื้อแฟรนไชส์ลงทุนเอง เราต้องการเน้นการพัฒนาสินค้า การทำตลาดและการสร้างแบรนด์เป็นหลัก ซึ่งล่าสุดคือการลงทุนในพื้นที่โรงงานเดิมที่บริษัทฯ มีอยู่แล้วเพื่อทำบรรจุภัณฑ์รองรับสินค้าที่นำเข้ามาจากต่างประเทศเพื่อลดต้นทุน” นายพงศ์วิวัฒน์ กล่าว



กำลังโหลดความคิดเห็น