ผู้จัดการรายวัน 360 - “อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ” คาดปี 59 ทำรายได้ตามเป้า 1.8 พันล้านบาท หลังผลประกอบการไตรมาสแรกปี 59 เติบโตสูงขึ้นถึง 42% พร้อมได้ลูกค้าใหม่ 40% คิดเป็นเอกชน 75% และภาครัฐ 25% เผยลูกค้าส่วนใหญ่ยังใช้งบประมาณในการเปิดตัวสินค้า และจัดแคมเปญ พร้อมเพิ่มความสำคัญด้านการฝึกอบรมบุคลากรทุกระดับเพื่อรองรับการแข่งขัน
นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) บริษัทอีเวนต์อันดับ 7 ของโลก ผู้นำด้านการตลาดเชิงสร้างสรรค์อย่างครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2559 บริษัทฯ มีผลประกอบการการเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องถึง 42% โดยมีสัดส่วนของลูกค้าแบ่งเป็นภาคเอกชน 75% และภาครัฐ 25% คิดเป็นลูกค้าเก่าประมาณ 60% และลูกค้าใหม่ 40% ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมยานยนต์, เอ็นเตอร์เทนเมนต์, ประกันภัย, การก่อสร้าง, สินค้าอุปโภคบริโภค, อาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น
ปัจจุบัน บริษัทดำเนินธุรกิจ 4 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.กลุ่มธุรกิจ “ครีเอทีฟ โซลูชัน” (Creative Solutions) งานบริการด้านการตลาดภายใต้ความคิดสร้างสรรค์ 2.กลุ่มธุรกิจ “มาร์เกตติ้ง เซอร์วิส” (Marketing Services) งานบริการส่งเสริมด้านการตลาด 3.กลุ่มธุรกิจ “ไลฟสไตล์ เอ็กซ์พีเรียนส์” (Lifestyle Experience) กลุ่มธุรกิจที่สร้างประสบการณ์ใหม่ และตอบสนองไลฟสไตล์ของผู้บริโภคทั้งในด้านบันเทิง และในชีวิตประจำวัน และ 4.กลุ่มธุรกิจ “อาเซียน วิงส์” (ASEAN Wings) งานด้านการตลาดเชิงสร้างสรรค์ในภูมิภาคอาเซียนต่อการขยายธุรกิจออกสู่กลุ่มประเทศในภูมิภาคอาเซียน
นายเกรียงไกร กล่าวอีกว่า ผลประกอบการของทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่ม “ครีเอทีฟ โซลูชัน” มีการเติบโตสูงขึ้นถึง 28% เป็นผลมาจากการจัดงานด้านอีเวนต์ของบริษัทฯ ที่มีความแข็งแรงแกร่ง รวมถึงธุรกิจ “มิวเซียม แอนด์ เอ็กซิบิชัน” (Museum & Exhibition) ซึ่งมีงานที่ได้รับและดำเนินการ (Backlog) ยาวตลอดทั้งปีไปจนถึงปี 2560
ขณะที่ในส่วนของกลุ่มธุรกิจ “อาเซียน วิงส์” มีการเติบโตแบบก้าวกระโดดสูงถึง 50% หลังจากได้เข้าไปบุกเบิกตลาดอาเซียน และถือเป็นผู้นำตลาดโดยเฉพาะในประเทศพม่า โดยบริษัทฯ มีการขยายธุรกิจด้วยการส่ง “ไอซีเว็กซ์” (ICVex) ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการธุรกิจเทรดแฟร์ รวมถึงงานด้านมิวเซียม และเอ็กซิบิชันซึ่งเป็นเครื่องมือที่สำคัญสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนทำธุรกิจในกลุ่มภูมิภาคอาเซียน ซึ่งคาดว่าจะสร้างสีสันให้อุตสาหกรรมอีเวนต์ได้อย่างแน่นอน
นายเกรียงไกร กล่าวด้วยว่า สำหรับการใช้งบประมาณของลูกค้าส่วนใหญ่มีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดตัวสินค้าใหม่ต่างๆ รวมถึงการทำแคมเปญต่างๆ ตลอดจนจัดกิจกรรมภายในองค์กร โดยเฉพาะการฝึกอบรมบุคลากรในหัวข้อต่างๆ (Internal Campaign & Training) ทั้งระดับปฏิบัติการ และผู้บริหาร เพื่อสร้างความพร้อมในการแข่งขันซึ่งถือเป็นเครื่องมือ และปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนองค์กรที่สำคัญในด้านการวางแผนกลยุทธ์เพื่อรองรับต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดในปัจจุบัน
“จากทิศทางการเติบโตของผลประกอบการของไตรมาสแรกที่ผ่านมา รวมถึงจำนวนงานทั้งในประเทศ และต่างประเทศที่มีตลอดทั้งปี ประกอบกับกลยุทธ์การเน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายที่มีความชัดเจน คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้แต่ละกลุ่มธุรกิจได้ตามเป้าหมาย 1.8 พันล้านบาท รวมถึงตอกย้ำการเป็นผู้นำ และศูนย์กลางด้านความคิดสร้างสรรค์อย่างครบวงจรทั้งในไทย และอาเซียน” นายเกรียงไกร กล่าวในที่สุด