xs
xsm
sm
md
lg

“เซ็นทรัลเอ็มบาสซี-เอ็มโพเรียม” เพิ่ม “แฟชั่น-ฟูด-อีเวนต์” ดึงคน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการรายวัน360 - “เอ็มบาสซี” อัดงบเพิ่ม 600 ล้านบาท ชู 3 กลยุทธ์หลัก เนรมิตพื้นที่เพิ่มอีก 10% พร้อมเปิดให้บริการส่วนโรงแรมในปลายปี หวังเพิ่มทราฟฟิกสู่ 40,000 คนตามแผน “เอ็มโพเรี่ยม” ปรับกลยุทธ์ดึงแบรนด์ไลฟ์สไตล์จากนอกกู้ยอดขาย ฟากดิเอ็มควอเทียร์ส่วนคิวเรเตอร์ฟุ้ง เร่งเพิ่มพื้นที่อีก 600 ตร.ม. อัดแบรนด์ไทยเพิ่ม

นายบรม พิจารณ์จิตร กรรมการผู้จัดการ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี เปิดเผยว่า การเปิดให้บริการของเซ็นทรัล เอ็มบาสซี พร้อมเปิดให้บริการแบบเต็มพื้นที่ภายในปลายปีนี้ ถึงแม้อาจจะดูเลื่อนออกไปหรือช้ากว่ากำหนด แต่ในความเป็นจริงอยากให้มองว่าเป็นการเลื่อนเปิดให้บริการในช่วงเวลาที่เหมาะสมมากกว่า จากสภาพเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มดีขึ้น รวมถึงภาคการท่องเที่ยวที่จะดีขึ้น

ส่งผลทางห้างยังคงเน้นแผนการดำเนินงานในปี 2559 นี้ด้วยงบรวมประมาณ 540-600 ล้านบาท ภายใต้ 3 กลยุทธ์หลัก คือ 1. นำเสนอแบรนด์แฟชั่น ร้านอาหาร และไลฟ์สไตล์ที่มีความหลากหลายและครบครัน 2. สร้างสรรค์งานอีเวนต์และโปรโมชันที่โดดเด่น 3. สร้างประสบการณ์เป็นบ้านหลังที่สองสำหรับลูกค้าทุกท่านที่เข้ามาใช้บริการ ภายใต้งบการตลาด 200-300 ล้านบาทใกล้เคียงปีก่อน ด้วยงานอีเวนต์ราว 40 งาน

ขณะเดียวกัน ปีนี้พร้อมใช้งบลงทุนอีกกว่า 240 ล้านบาท เปิดตัวพื้นที่ 3 โซนใหม่ คิดเป็น 10% ของพื้นที่ทั้งหมด คือ 1. การขยายโซน Eathai จาก 2,500 ตร.ม.เป็น 3,550 ตร.ม.ให้ครอบคลุมอาหารไทยจากทั้ง 4 ภาค ด้วยงบลงทุน 30 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2 ปีนี้ 2. เปิดตัวพื้นที่ชั้น 6 เปลี่ยนโฉมพื้นที่กว่า 7,000 ตร.ม. ให้เป็นพื้นที่สำหรับไลฟ์สไตล์ ด้วยงบลงทุน 150 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4 ปีนี้

3. เปิดตัวโซนไลฟ์สไตล์เพิ่มเติมชั้น 5 เป็นแหล่งแฮงก์เอาต์ใหม่ ครอบคลุมพื้นที่ 1,000 ตร.ม. ด้วยงบลงทุน 60 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4 ปีนี้ และในปีนี้ยังพร้อมเปิดตัวโรงแรม Park Hyatt Bangkok ระดับ 6 ดาว จำนวน 222 ห้อง ที่ใช้งบลงทุนกว่า 6,000 ล้านบาท โดยจะเปิดให้บริการภายในไตรมาส 4 ปีนี้เช่นกัน

จากแผนงานที่กล่าวมา เชื่อว่าถึงสิ้นปีจะมีทราฟฟิกเพิ่มขึ้นอีก 25% หรือกว่าเป็น 30,000-40,000 คน/วัน จากปัจจุบันอยู่ที่ 20,000 คน/วัน และนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเป็น 35% จากปีก่อนลูกค้าเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น 24% เป็นคนไทย 75% นักท่องเที่ยว 25% และ 5 อันดับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาใช้บริการมากสุด คือ จีน ตะวันออกกลาง อินเดีย ฮ่องกง และญี่ปุ่นตามลำดับ

นางสาวรวิมน ฐานิตารมภ์ ผู้จัดการใหญ่บริหารสินค้า บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ปีนี้เศรษฐกิจค่อนข้างนิ่ง ส่งผลให้ทางดิเอ็มโพเรียมต้องปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและกำลังซื้อ ซึ่งครึ่งปีหลังนี้จะมีการเพิ่มไลฟ์สไตล์แบรนด์จากต่างประเทศแต่ระดับราคาจับต้องได้เข้ามาเพิ่ม ทดแทนบางแบรนด์ที่ทางบริษัทบริหารเองที่ต้องถอดออกไปในพื้นที่ส่วนดีพาร์ตเมนต์สโตร์

ส่วนดิเอ็มควอเทียร์ พบว่าพื้นที่ในส่วนของคิวเรเตอร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ศูนย์รวมของสินค้าแฟชั่นดีไซเนอร์แบรนด์ไทยไว้กว่า 60 แบรนด์ หลังจากเปิดให้บริการมา 1 ปี พบว่าได้รับการตอบรับที่ดีมากทั้งจากคนไทย 80% และต่างชาติ 20% ในกลุ่มประเทศจีน ลาว และกัมพูชา โดยมีทราฟฟิกประมาณ 2,000 คน/วัน ยอดใช้จ่ายต่อบิลเฉลี่ยอยู่ที่ 5,000-20,000 บาท

จากการตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ครึ่งปีหลังนี้บริษัทจะเพิ่มพื้นที่อีก 600 ตร.ม. รวมถึงปรับปรุงพื้นที่ที่มีอยู่ ภายใต้งบประมาณไม่เกิน 10 ล้านบาท ในการเพิ่มแบรนด์กลุ่มไลฟ์สไตล์และเสื้อผ้าสำหรับผู้ชายเข้ามาอีกรวม 5-6 แบรนด์ เช่น ร้านตัดผม ร้านทำเล็บ ร้านเครื่องดื่ม เพื่อต้องการให้ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในพื้นที่ดังกล่าวใช้เวลาให้นานมากขึ้นกว่าเดิม จากปกติจะมาเพื่อชอปปิ้งเพียงอย่างเดียว

ที่สำคัญจะช่วยขยายฐานไปสู่กลุ่มลูกค้าคนไทยได้มากขึ้น จากเดิมลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มเซเลบหรือดาราเป็นหลัก มั่นใจว่าถึงสิ้นปีจะช่วยเพิ่มยอดขายในพื้นที่ดังกล่าวโตขึ้นอีกอย่างน้อย 5% จากปีก่อนทำรายได้ไปกว่า 850 ล้านบาท



กำลังโหลดความคิดเห็น