ครม.เห็นชอบลงทุนรถไฟฟ้าสายสีชมพู และสีเหลือง วงเงินกว่า 1 แสนล้าน เป็นระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยว หรือ Monorail โดยให้เอกชนร่วมลงทุนในรูปแบบ PPP-Net Cost เร่ง รฟม.เปิดประมูลใน 3 เดือน ก่อสร้าง 3 ปี 3 เดือน อายุสัมปทาน 30 ปี พร้อมตั้งกรอบวงเงินหนุนเอกชนโครงการละกว่า 2 หมื่นล้านบาท ทยอยจ่ายไม่ต่ำกว่า 10 ปี
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (29 มี.ค.) มีมติอนุมัติให้กระทรวงคมนาคมดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี ระยะทางประมาณ 34.5 กิโลเมตร วงเงินลงทุน 53,490 ล้านบาท และสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ระยะทาง 29.1 กม. วงเงินลงทุน 51,810 ล้านบาท โดยเป็นระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยว หรือ Monorail โดยให้เอกชนร่วมลงทุนในรูปแบบ PPP-Net Cost ภาครัฐจะลงทุนค่างานจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน ส่วนเอกชนลงทุนค่างานโยธา ค่างานระบบรถไฟฟ้า ขบวนรถไฟฟ้า และค่าจ้างที่ปรึกษาโครงการ รวมทั้งบริหารการเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการ เป็นระยะเวลา 33 ปี 3 เดือน แบ่งเป็นระยะเวลาการก่อสร้าง 3 ปี 3 เดือน สัญญาเดินรถ 30 ปี ขณะเดียวกันเอกชนจะเป็นผู้จัดเก็บค่าโดยสารและรับความเสี่ยงจำนวนผู้โดยสาร
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเร่งรัดให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการเปิดประมูลเพื่อหาเอกชนมาร่วมดำเนินโครงการทั้ง 2 โครงการภายในระยะเวลา 3 เดือน และให้ดำเนินการตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยเอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 (พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 2556) อย่างเคร่งครัด ซึ่งหลังจากนี้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จะดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการมาตรา 35 เพื่อพิจารณาร่าง TOR ประกวดราคา ที่ขณะนี้มีความคืบหน้าประมาณ 95% แล้ว
โดยคาดว่าเมื่อเปิดให้บริการตลอดระยะเวลา 30 ปีจะมีผู้โดยสารมาใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองประมาณ 247,000 คนต่อวัน สายสีชมพูประมาณ 270,000 คนต่อวัน อัตราค่าโดยสารจะยึดตามมาตรฐานของ ร.ฟ.ม. เริ่มต้นที่ 15 บาท ระยะต่อไปคิดในอัตรา 2.2 บาทต่อกิโลเมตร
สำหรับค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและค่าสำรวจอสังหาริมทรัพย์ในส่วนของโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ประมาณ 6,847 ล้านบาท สายสีเหลือง 6,013 ล้านบาท โดยให้สำนักงบประมาณเป็นผู้จัดสรรงบประมาณ ส่วนกรอบวงเงินสนับสนุนแก่เอกชนไม่เกินค่างานโยธาที่เป็นมูลค่าปัจจุบันตามที่ตกลงในสัญญาสัมปทานโดยจะทยอยจ่ายให้เอกชนหลังจากเริ่มเปิดเดินรถแล้ว และแบ่งจ่ายเป็นรายปี สายสีชมพูที่ประมาณ 20,135 ล้านบาท สายสีเหลืองวงเงินประมาณ 22,354 ล้านบาท กำหนดเวลาแบ่งจ่ายไม่ต่ำกว่า 10 ปี