“ประยุทธ์” ไฟเขียว “พาณิชย์” เปิดประมูลข้าวครั้งที่ 2/2559 อีก 6.4 แสนตัน ทั้งประมูลเป็นการทั่วไปและเข้าสู่อุตสาหกรรม นัดชี้แจง TOR วันที่ 18 มี.ค. และให้ยื่นซองเสนอราคาวันที่ 30-31 มี.ค.นี้ ด้าน อคส.เล็งเลิกสัญญา “ว.ธนทรัพย์” ที่ชนะการประมูลปลายปีก่อนถ้ารับมอบไม่หมดใน 29 มี.ค. ล่าสุดโดนปรับรายวัน พร้อมเชิญอีก 5 รายที่ชนะการประมูลครั้งล่าสุดทำความเข้าใจเงื่อนไขขนย้ายข้าวก่อนทำสัญญา
นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ได้เห็นชอบให้กรมการค้าต่างประเทศเปิดประมูลข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลครั้งที่ 2/2559 ปริมาณกว่า 6.4 แสนตัน เพราะเห็นว่าตลาดข้าวปัจจุบันมีแนวโน้มความต้องการข้าวขาวและปลายข้าวเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับช่วงที่ผ่านมามีการนำเข้าข้าวสาลีเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมทดแทนปลายข้าวเพิ่มขึ้น จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม และสอดคล้องกับสถานการณ์ที่จะนำข้าวในสต๊อกบางส่วนออกมาระบายเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาของรัฐ โดยมั่นใจว่าจะไม่กระทบต่อราคาข้าวทั้งตลาดในประเทศ และตลาดต่างประเทศ
ทั้งนี้ กรมฯ จะทำการชี้แจงเงื่อนไขการประมูล (TOR) ในวันที่ 18 มี.ค. 2559 และจะเปิดให้ผู้สนใจเข้าดูสภาพข้าวในคลังระหว่างวันที่ 18–24 มี.ค. 2559 เว้นวันหยุดราชการ จากนั้นจะเปิดให้ยื่นซองคุณสมบัติวันที่ 28 มี.ค. 2559 และให้ยื่นซองเสนอราคาสำหรับประมูลทั่วไปวันที่ 30 มี.ค. 2559 และเข้าสู่อุตสาหกรรมวันที่ 31 มี.ค. 2559
สำหรับข้าวที่นำมาประมูลครั้งที่ 2/2559 ประกอบด้วย 1. การจำหน่ายข้าวสารในสต๊อกของรัฐเป็นการทั่วไป ปริมาณ 4.18 แสนตัน เป็นชนิดข้าวที่มีคุณภาพตามมาตรฐานและใกล้เคียงมาตรฐาน (ระดับคุณภาพเกรด P/A/B) ประกอบด้วยข้าวขาว 5% 10% 15% 25% ข้าวเหนียวขาว 10% ข้าวปทุมธานี ปลายข้าว (เหนียว) A1 ปลายข้าว A1 เลิศ ปลายข้าวหอมมะลิ ข้าวท่อนหอมมะลิ และข้าวท่อนหอมปทุม รวมจำนวน 66 คลัง ใน 26 จังหวัด และ 2. การจำหน่ายข้าวสารในสต๊อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรม ปริมาณ 2.23 แสนตัน เป็นข้าวผิดไปจากมาตรฐาน และข้าวผิดชนิด ประกอบด้วยข้าวขาว 5% ปลายข้าว (เหนียว) A1 และปลายข้าว A1 เลิศ รวมจำนวน 22 คลัง ใน 9 จังหวัด
พล.ต.ต.ไกรบุญ ทรวดทรง ประธานคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า (บอร์ด อคส.) กล่าวว่า ขณะนี้บริษัท ว.ธนทรัพย์ จำกัด ซึ่งชนะการประมูลซื้อข้าวเสื่อมในสต๊อกรัฐบาลที่เปิดประมูลเมื่อปลายปีที่แล้วปริมาณ 21,180 ตัน เพื่อนำไปผลิตปุ๋ยอินทรีย์ ล่าสุดบริษัทถูกปรับเงินเป็นรายวันเพราะไม่สามารถขนข้าวออกจากโกดังหรือรับมอบข้าวได้ตามเป้าหมาย สามารถรับมอบข้าวได้เพียง 10,093 ตัน มูลค่า 35.82 ล้านบาท ยังเหลือค้างรับมอบอีก 7,096.5 ตัน ซึ่งบริษัทต้องรับมอบให้เสร็จในวันที่ 29 มี.ค.นี้ หากไม่สามารถดำเนินการได้ อคส.จะยกเลิกสัญญาในส่วนที่เหลือ หลังจากที่ อคส.ได้ปรับเงื่อนไขการรับมอบข้าวตามที่บริษัทร้องขอให้แล้วหลายครั้ง
นอกจากนี้ อคส.ยังได้เชิญบริษัทผู้ชนะการประมูลซื้อข้าวสารเสื่อมในสต๊อกรัฐบาลเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรม ครั้งที่ 1/2559 ทั้ง 5 ราย รวมปริมาณ 140,603 ตัน มูลค่า 933 ล้านบาท มาชี้แจงทำความเข้าใจรายละเอียดและเงื่อนไขต่างๆ รวมถึงแผนการขนย้ายข้าวออกจากคลังสินค้า ก่อนลงนามในสัญญาซื้อข้าวกับ อคส. เพื่อให้การขนย้ายข้าวเป็นไปด้วยความรัดกุม และป้องกันข้าวรั่วไหลไปสู่ตลาดข้าวปกติ โดยได้ย้ำว่าหากขนข้าวไม่ทันตามสัญญาจะถูกปรับ 0.2% ของมูลค่าข้าว และต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการฝากเก็บข้าวในคลังด้วย และหากนำข้าวไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ จะถูกปรับอีก 25% และถูกดำเนินคดีทั้งทางแพ่ง และอาญา
สำหรับผู้ชนะการประมูลทั้ง 5 ราย ได้แก่ 1. บริษัท วี.ซี.เอฟ.กรุ๊ป จำกัด 2. บริษัท เอส.พี.เอ็ม. อาหารสัตว์ จำกัด 3. บริษัท เจริญ กิมเฮงฮวด จำกัด 4. บริษัท ยูนิโกร อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด 5. บริษัท ท็อป ฟีด มิลล์ จำกัด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ผลิตอาหารสัตว์ เอทานอล และเส้นก๋วยเตี๋ยว