ผู้จัดการรายวัน360 - “มาสเตอร์คูล” ตีปีกเปิดตลาดกลางถึงล่าง จับมือ “ซิงเกอร์” เปิดผ่อนสินค้า 0% กระตุ้นยอดขาย หลังพบเศรษฐกิจกระหน่ำกลุ่มองค์กรและอุตสาหกรรมชะลอตัว หวังดันรายได้รวมปีนี้โต 40% จากปีก่อนปิดรายได้ 640 ล้านบาท มองตลาดพัดลมไอเย็นยังมีโอกาสโตสูงได้ถึง 5 พันล้านบาท จากปีนี้อยู่ที่ 1 พันล้านบาท ซุ่มเขียนแผนลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตแห่งใหม่ คาดกลางปีนี้สรุปผล
นายนพชัย วีระมาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปีนี้ถือเป็นปีแรกที่บริษัทฯ มีแผนการทำตลาดพัดลมไอเย็นเจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงล่าง หลังจากเห็นโอกาสในตลาดนี้สูงมาก โดยพบว่าตลาดกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ยังไม่รู้จัก “มาสเตอร์คูล” และไม่รู้จักสินค้าประเภทพัดลมไอเย็น จึงวางแผนรุกตลาดนี้อย่างจริงจัง ด้วยงบการทำตลาดกว่า 60 ล้านบาท
การทำตลาดครั้งนี้จะใช้ 3 กลยุทธ์หลัก คือ 1. จับมือกับพาร์ตเนอร์คือ “ซิงเกอร์” ในการเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการขาย ซึ่งมีทั้งผลิตภัณฑ์ขนาดใหญ่ภายใต้แบรนด์ “ซิงเกอร์” และผลิตภัณฑ์ขนาดเล็กภายใต้แบรนด์ “มาสเตอร์คูล” ตั้งเป้ายอดขายในปีแรกไว้ที่ 50 ล้านบาท 2. โปรแกรมส่งเสริมการขายด้วยการเปิดให้ผ่อนสินค้า ดอกเบี้ย 0% นาน 6 เดือน เริ่มตั้งแต่สินค้าที่มีมูลค่าไม่ถึง 3 พันบาทขึ้นไป ซึ่งเริ่มนำไปใช้แล้วกับ “ซิงเกอร์” รวมถึงคู่ค้าอื่นที่จะตามมา
3. เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่คือ “คูลบอท” จำนวน 3 รุ่น ราคา 2.7-4 พันบาทขึ้นไป เป็นพัดลมไอเย็นแบบเคลื่อนที่ดึงลมเข้ารอบทิศทาง ตอบโจทย์ลูกค้าบ้านพักอาศัยและคอนโดฯ บนพื้นที่จำกัด ตั้งเป้ายอดขาย 200 ล้านบาท ถือเป็นผลิตภัณฑ์หลักในการเจาะตลาดกลางถึงล่างในปีนี้ จากปกติ “มาสเตอร์คูล” จะเน้นกลุ่มลูกค้าองค์กรและภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ แต่พบว่าเศรษฐกิจไม่ดีในปีที่ผ่านมา ส่งผลต่อการใช้จ่ายของลูกค้ากลุ่มนี้ชะลอตัวลง ทำให้ยอดขายสินค้าในกลุ่มนี้เติบโตลดลงด้วยเช่นกัน
“บริษัทฯ โฟกัสกลุ่มลูกค้า 3 ส่วนหลัก คือ รายย่อย องค์กร และต่างประเทศ โดยในกลุ่มองค์กรจากเศรษฐกิจที่ไม่ดียอดขายจึงเติบโตลดลง แต่รายย่อยปีนี้จะดีขึ้นจากการรุกตลาดกลางถึงล่าง ส่วนต่างประเทศยังเติบโตต่อเนื่อง ดังนั้นการที่กลุ่มรายย่อยโตขึ้นจึงถือเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้ยอดขายรวมในปีนี้มีโอกาสโตได้ถึง 40% ใกล้เคียงกับปีก่อนที่เติบโต 38% หรือปิดยอดขายที่ 640 ล้านบาท แบ่งเป็นในประเทศ 80% และต่างประเทศ 20%”
ตลาดรวมพัดลมไอเย็นปัจจุบันมีมูลค่าประมาณ 1 พันล้านบาท โดย “มาสเตอร์คูล” เป็นผู้นำตลาดและมีแชร์กว่า 50% โดยมองว่าตลาดมีโอกาสเพิ่มขึ้นได้เป็น 4-5 พันล้านบาทในอีก 5 ปีข้างหน้า ส่งผลให้บริษัทฯ มีแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิตและคลังสินค้าใหม่ ซึ่งอยู่ในช่วงของการศึกษาและรวบรวมข้อมูลในการตัดสินใจ คาดว่าจะสรุปผลได้กลางปีนี้ หรือน่าจะเริ่มการลงทุนใหม่ได้ในช่วงครึ่งปีหลัง โดยอาจจะเป็นการสร้างฐานผลิตใหม่ที่ประเทศจีน จากปัจจุบันมีโรงงานที่ไทย 1 แห่งที่อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 80% และอีกส่วนหนึ่งเป็นการผลิตจากประเทศจีน