“มาสเตอร์คูล” แจ้งผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2559 ต่อตลาดหลักทรัพย์ หรือ ตลท. ทำยอดขายโตกว่า 61% เกินเป้าที่คาดไว้ ส่งผลให้กำไรสุทธิของไตรมาสแรกสูงกว่า 170% ของกำไรสุทธิตลอดทั้งปี 2558 เผยปัจจัยหนุนจากอากาศร้อนจัด เตรียมเพิ่มช่องทางการขายพัดลมไอเย็นใหม่ ชี้กระแสพัดลมไอเย็นเริ่มเป็นทางเลือกหลักในกลุ่มเครื่องทำความเย็น ตั้งเป้าอัตราการเติบโตของยอดขายปี 2559 ไม่น้อยกว่า 40%
นายนพชัย วีระมาน กรรมการผู้จัดการ บมจ.มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ KOOL กล่าวถึง ผลประกอบการในไตรมาสแรกของปี 2559 ว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทถือว่ามีทิศทางที่ดี โดยมีรายได้รวม 228 ล้านบาท ทำให้รายได้เติบโตถึง 61% ขณะที่กำไรสุทธิไตรมาสแรกอยู่ที่ 16 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตสูงกว่า 170% ของกำไรสุทธิตลอดทั้งปี 2558 และสูงกว่าเป้าหมายที่คาดไว้อย่างมาก
ทั้งนี้ การเติบโตดังกล่าวเป็นผลมาจากการที่บริษัทมีการขยายช่องทางการตลาดที่ครอบคลุมกลุ่มลูกค้ามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นห้างโมเดิร์นเทรด เทสโก้-โลตัส ที่มีการวางจำหน่ายสินค้าใน 42 สาขาทั่วประเทศ และการได้พันธมิตรใหม่อย่าง บมจ.ซิงเกอร์ประเทศไทย หรือ SINGER ผู้จัดจำหน่ายสินค้าในระบบขายตรงแบบเช่าซื้อที่มีประสิทธิภาพในการกระจายสินค้า และให้ความรู้แก่ผู้บริโภค นับเป็นการเพิ่มช่องทางการขายที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่บริษัทยังเข้าไม่ถึง
นอกจากนี้ บริษัทยังสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้กำไรสุทธิสูงกว่าประมาณการ คาดว่าปีนี้อัตรากำไรสุทธิจะเป็นไปตามเป้าหมายปกติของบริษัทซึ่งอยู่ที่ประมาณ 6-7%
“ขณะนี้ความต้องการของตลาดพัดลมไอเย็นสำหรับผู้บริโภคถือว่ากำลังพัฒนาไปสู่ทางเลือกปกติ ประกอบกับปีนี้สภาพอากาศร้อนจัด และยาวนานตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ และคาดว่าจะยาวไปถึงช่วงเดือนกรกฎาคม ทำให้ความต้องการสินค้าพัดลมไอเย็นของบริษัทยังคงมีอย่างต่อเนื่องในทุกช่องทางการขาย ทั้งโมเดิร์นเทรด ดีลเลอร์ และช่องทางออนไลน์”
อย่างไรก็ตาม ในส่วนช่วงไตรมาสที่ 2/2559 บริษัทคาดว่าจะยังคงมีอัตราการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งประเมินสภาพอากาศในไตรมาส 2 จะยังคงร้อนจัด และในช่วงดังกล่าวถือเป็นไตรมาสที่มีรายได้สูงที่สุดของบริษัทในทุกปี ดังนั้น บริษัทจะยังคงรักษาช่องทางการทำตลาดในประเทศ ควบคู่ไปกับการทำตลาดส่งออกที่จะเริ่มมีออเดอร์เข้ามาในช่วงไตรมาสที่ 3 และ 4 โดยเฉพาะประเทศในแถบซีกโลกใต้ ได้แก่ แอฟริกา ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย อเมริกาใต้ นิวซีแลนด์ ซึ่งเป็นประเทศที่อยู่ในช่วงฤดูร้อน ตรงข้ามกับสภาพอากาศฝั่งเอเชีย และยังมีตลาดในประเทศแถบอาเซียนที่ยังคงเป็นตลาดหลัก ปัจจุบัน บริษัทมีส่วนแบ่งรายได้ตลาดส่งออกมากกว่า 20% ของรายได้ทั้งหมดของบริษัท
ทั้งนี้ สำหรับตลาดรวมของสินค้ากลุ่มเครื่องทำความเย็นทั้งแอร์ และพัดลมรวมกันเฉลี่ยเติบโตไม่ถึง 5% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 27,000 ล้านบาท ส่วนตลาดพัดลมไอเย็นปีที่แล้วมีมูลค่า 1,000 ล้านบาท โดยมาสเตอร์คูล คาดว่ามีส่วนแบ่งตลอด 50% ซึ่งในปี 2559 บริษัทคาดว่าจะยังคงเป้าอัตราการเติบโตอยู่ที่ 40% และในอนาคตตลาดพัดลมไอเย็นคาดว่าจะมีส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มเครื่องทำความเย็นทั้งแอร์ และพัดลมประมาณ 3,000-6,000 ล้านบาท