“สศอ.” จับมือ 18 หน่วยงานจัดทำแผนปฏิบัติการภายใต้แผนแม่บทการเพิ่มประสิทธิภาพและผลิตภาพการผลิตของภาคอุตสาหกรรม (พ.ศ. 2559-2564) ทุ่ม 1,017 ล้านบาทหวังขยับอันดับผลิตภาพไทยจากที่ 51 มาอยู่ต่ำกว่า 45 จาก 61 ประเทศทั่วโลก
นายศิริรุจ จุลกะรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ในปีงบประมาณ 2560 สศอ.ได้จัดทำคำของบประมาณจำนวน 1,017 ล้านบาท เพื่อยกระดับผลิตภาพการผลิต (Productivity) และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับภาคอุตสาหกรรมของไทยให้สามารถแข่งขันได้บนเวทีการค้าโลก โดยแผนดังกล่าวได้ร่วมกับ 18 หน่วยงานในการจัดทำ โดยคาดว่าจะสามารถขยับอันดับผลิตภาพของประเทศไทยจากอันดับที่ 51 มาอยู่อันดับที่ต่ำกว่า 45 จาก 61 ประเทศทั่วโลกได้ในอนาคต
สำหรับการดำเนินงานจะประกอบด้วย 3 ยุทธศาสตร์ที่สำคัญ ได้แก่ 1. ยกระดับผลิตภาพภาคอุตสาหกรรมด้วยการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมและระบบบริหารจัดการ 2. ยกระดับผลิตภาพแรงงานให้มีทักษะสามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของภาคอุตสาหกรรม และ 3. พัฒนาปัจจัยแวดล้อมเพื่อสนับสนุนและผลักดันให้เกิดการเพิ่มผลิตภาพ โดยมีเป้าหมายคือ 1. พัฒนาผู้ประกอบการ จำนวน 1,600 โรงงาน 2. พัฒนาบุคลากร จำนวน 10,000 คน และ 3. พัฒนาเครือข่าย 36 เครือข่าย
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาอุตสาหกรรมไทยมีการขยายตัวเชิงปริมาณมากกว่าคุณภาพ โดยอาศัยปัจจัยทุน และแรงงานเป็นหลัก รวมทั้งการเพิ่มขึ้นของผลิตภาพการผลิตโดยรวม (TFP) ของประเทศยังอยู่ในระดับต่ำ ดังจะเห็นได้จากในปี 2557 ภาคอุตสาหกรรมไทยมีการขยายตัวติดลบ 1.1% ซึ่งเป็นผลมาจากการหดตัวของปัจจัย TFP ติดลบ 2.52% ส่วนปัจจัยทุน และปัจจัยแรงงานขยายตัว 0.80% และ 0.64% ตามลำดับ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการขาดประสิทธิภาพในการใช้ปัจจัยการผลิตโดยรวม และปัญหาเชิงโครงสร้างที่ไม่สมดุลของภาคอุตสาหกรรมไทยที่จำเป็นต้องพึ่งพาทุนและแรงงานเป็นตัวขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ หากพิจารณาจากการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยทางด้านผลิตภาพในภาคอุตสาหกรรมของ International Institute for Management Development : IMD ในปี 2558 ยังพบว่าประเทศไทยมีอันดับผลิตภาพที่ต่ำ อยู่อันดับที่ 51 จาก 61 ประเทศทั่วโลก ส่วนผลิตภาพแรงงานในภาคอุตสาหกรรมมีอันดับผลิตภาพที่ต่ำเช่นกัน โดยอยู่อันดับที่ 52 จาก 61 ประเทศทั่วโลก ซึ่งหากสถานการณ์ยังคงดำเนินไปในลักษณะเช่นนี้ย่อมส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขัน และคงไม่สามารถทำให้อุตสาหกรรมไทยเติบโตอย่างยั่งยืนได้ในระยะยาว