xs
xsm
sm
md
lg

“พาณิชย์” ปิ๊ง! ประสานห้างเปิดพื้นที่ให้นำที่นอน-หมอนยางพาราไปจำหน่าย หวังช่วยผลักดันราคายางให้สูงขึ้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“พาณิชย์” ปิ๊งไอเดีย ประสานห้างค้าปลีกสมัยใหม่ วิสาหกิจชุมชน ตลาดต้องชม นำผลิตภัณฑ์ยางแปรรูป ทั้งที่นอน หมอน ถุงมือ ยางปูพื้น วัสดุต่างๆ ที่ทำจากยางไปจำหน่าย เพื่อช่วยเร่งระบายสินค้า และผลักดันให้ราคายางสูงขึ้น สั่งทูตพาณิชย์เร่งหาผู้ซื้อมาซื้อยางไทย พร้อมส่งข้าวสาร 4 ล้านถุง และสินค้าธงฟ้า ช่วยลดค่าครองชีพแล้ว

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงฯ ได้ประสานห้างค้าปลีกสมัยใหม่ เพื่อสนับสนุนและเพิ่มช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยางพาราแปรรูป เช่น ที่นอน หมอนยางพารา ถุงมือยาง ยางปูพื้นรถยนต์ และวัสดุต่างๆ ที่ทำจากยางพารา ไปจำหน่ายบนพื้นที่ของห้างค้าปลีกสมัยใหม่ต่างๆ และนำไปจำหน่ายในกลุ่มวิสาหกิจชุมชนต่างๆ และตลาดชุมชนเพื่อธุรกิจท้องถิ่น ภายใต้ชื่อ “ตลาดต้องชม” เพื่อช่วยระบายสินค้า และส่งผลให้มีการนำยางพารามาผลิตเพิ่มมากขึ้น ทำให้ราคายางพาราที่เกษตรกรจำหน่ายได้สูงขึ้นตามไปด้วย

ทั้งนี้ ยังได้สั่งการให้สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ 61 แห่ง เร่งจัดคณะผู้ซื้อจากต่างประเทศมาประเทศไทย เริ่มจากผู้นำเข้ายางพาราจากกัมพูชามาเจรจาการค้า ณ ประเทศไทย ระหว่างวันที่ 24–27 ม.ค. 2559 และมีกำหนดจะนำผู้ประกอบการไทย 96 บริษัท เข้าร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ 4 ครั้ง ในไต้หวัน อิตาลี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเยอรมนี และนำคณะผู้แทนการค้าไทย 100 บริษัท ไปเจรจาการค้ายางพาราและผลิตภัณฑ์ ณ ประเทศอิหร่าน เม็กซิโก ปานามา โคลอมเบีย แอฟริกาใต้ เคนยา และแทนซาเนีย เพื่อหาตลาดให้กับยางพาราและผลิตภัณฑ์ยางพาราของไทย

ส่วนการจัดทำข้าวถุงเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางที่ได้รับผลกระทบจากราคาตกต่ำ ขณะนี้องค์การคลังสินค้า (อคส.) ได้จัดทำข้าวสารเจ้า 5% บรรจุถุง 5 กิโลกรัม (กก.) จำนวน 4,014,315 ถุง จัดส่งให้กระทรวงมหาดไทยในแต่ละพื้นที่ เพื่อส่งมอบให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกยางพาราที่มีการขึ้นทะเบียนกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในพื้นที่ 68 จังหวัด จำนวน 802,863 ครัวเรือนๆ ละ 5 ถุงแล้ว

นอกจากนี้ ได้จัดทำโครงการธงฟ้า นำสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ ได้แก่ ข้าวสาร น้ำมันพืช ไข่ไก่ รวมถึงอาหารฮาลาลได้นำไปจำหน่ายในราคาต่ำกว่าท้องตลาดประมาณร้อยละ 20-40 ซึ่งจะดำเนินการในพื้นที่ 15 จังหวัดภาคใต้ จำนวน 159 อำเภอ โดยจะเริ่มจัดจำหน่ายได้ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 4 ของเดือน ม.ค. - 31 มี.ค. 2559 โดยคาดว่าจะลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชนได้ประมาณ 30-35 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น