ผู้จัดการรายวัน 360 - หมดยุคกินรวบตลาดทีวี “เฮียฮ้อ” เชื่อปีนี้ทีวีช่องหลักและดิจิตอลทีวีท็อป 4 มีเรตติ้งใกล้เคียงกัน “อาร์เอส” วางสเต็ปธุรกิจใหม่อิงปัจจัยภายนอกสู่แผนธุรกิจปี 59 อัด 2 พันล้านบาท ชู “ช่อง 8” เรือธงปั๊มรายได้หลัก งัดกลยุทธ์ขายโฆษณาระยะยาวปิดช่องโหว่เศรษฐกิจซึม หวังสิ้นปีรายได้ 4.5 พันล้านบาท โต 27% ลุ้นทีวีดิจิตอลมีกำไรอย่างมีนัย
นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจทีวีดิจิตอลปีนี้ยังมีการแข่งขันต่อเนื่อง โดยมองว่าทีวีดิจิตอลยังอยู่ในสถานการณ์ที่ยากแต่ไม่ลำบาก มีเพียงบางช่องที่ลำบากซึ่งไม่ควรเอาภาพของช่องความลำบากนี้มากำหนดภาพรวมทั้งหมด
ขณะที่ทีวีดิตอลของไทยมาเกิดในช่วงเศรษฐกิจไม่ดี จากที่มองว่า 5 ปีจะเห็นว่ามีใครเหลือบ้างและใครที่ไม่ไหว แต่ 2 ปีก็เห็นผลแล้ว แค่มาเร็วขึ้นเท่านั้น เพราะจำนวนช่องที่มากเกินไป การแข่งขันและการวางธุรกิจต้องเหมาะสมด้วยจึงจะอยู่ได้
ทั้งนี้ มองว่าปีนี้ทีวีดิจิตอลที่เหลืออยู่ 22 ช่องทั้งหมด การเข้ามาทำและกำหนดรูปแบบช่องเป็นนิชมาร์เก็ตจะอยู่ยาก ช่องทีวีดิจิตอลจะต้องแย่งฐานผู้ชมจากช่องแอนะล็อกเดิมให้ได้ ทุกช่องจึงต้องแข่งขันกันบนโอกาสเดียวกัน โดยมองว่าปีนี้ 2 ช่องผู้นำหลักและช่องรองกลุ่มท็อป 4 ที่มีเรตติ้งเป็นอันต้นๆ จากเดิมเรตติ้งช่องยังห่างกันเกือบเท่าตัวคือ ช่อง 7 อยู่ที่ 1.7ล้านคน/นาที, ช่อง 3 อยู่ที่ 1 ล้านคน/นาที, เวิร์คพ้อยท์ 4 แสนกว่าคน/นาที และช่อง 8 อยู่ที่ 4 แสนคน/นาที ตามลำดับ ปีนี้จะมีเรตติ้งคนดูใกล้เคียงกันซึ่งแนวโน้มนี้จะเป็นโอกาสในการแข่งขัน เมื่อเรตติ้งเกาะกลุ่มกันลำดับช่องก็จะไม่สำคัญอีกต่อไป
ในส่วนของ “อาร์เอส” ปีนี้ถือเป็นปีที่มีการนำเอาปัจจัยนอกต่างๆ เช่น สภาพเศรษฐกิจ การเมือง และผลกระทบต่างๆ ที่มีต่ออุตสาหกรรมทีวี มาเป็นตัวกำหนดในการปรับวางโครงสร้างการทำงาน เพื่อวางแผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ด้วยความระมัดระวังและรอบคอบ ส่งผลให้ในภาพรวมปีนี้พร้อมใช้งบลงทุนทั้งหมด 2 พันล้านบาท ให้น้ำหนักกับ “ช่อง 8” เป็นหลัก ด้วยงบ 1 พันล้านบาท เพื่อเป็นหัวหอกในการสร้างรายได้หลัก และอีก 800 ล้านบาทสำหรับผลิตรายการวาไรตี้ กีฬา ข่าว ส่วนอีก 200 ล้านบาท สำหรับพัฒนาระบบไอทีและโฆษณาประชาสัมพันธ์
บริษัทฯ มั่นใจว่าทั้งปีบริษัทจะมีรายได้ 4.5 พันล้านบาท เติบโต 27% มาจาก 1.ธุรกิจสื่อ 65% ประกอบด้วย ช่อง 8 กว่า 70%, คลื่นคูล 93 ประมาณ 20% และ ช่อง 2 กับ สบายดีทีวี อีก 10% 2.ธุรกิจอื่นๆ 35% ประกอบด้วยเพลง, อีเวนต์ และอื่นๆ รวมกัน
นายสุรชัยกล่าวต่อว่า ในส่วนของช่อง 8 กลยุทธ์สำคัญในปีนี้ คือ รูปแบบการขายโฆษณาแบบระยะยาวตลอดปี ชูความคุ้มค่าในการซื้อสื่อโฆษณาให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่พบว่ายังไม่ฟื้นตัว เอเจนซี่ยังไม่ค่อยเทงบโฆษณา โดยสามารถขายโฆษณาได้แล้ว 60% จากเป้ารายได้ที่วางไว้ในปีนี้ ส่วนอีก 40%ที่เหลือจะเป็นโอกาสในการขายโฆษณาตลอดปีที่มองว่าครึ่งปีหลังน่าจะขยับขึ้นได้จากเรตติ้งรายการที่ดีขึ้น สามารถปรับราคาโฆษณาได้อีกเท่าตัว หรือจากเดิมมีเรตติ้งผู้ชมอยู่ที่ 4 แสนคน/นาที สิ้นปีนี้น่าจะเพิ่มเป็น 7-8 แสนคน/นาที ในแง่ของราคาโฆษณาเฉลี่ยราคา 3 หมื่น/นาที จะเพิ่มเป็น 6 หมื่นบาทต่อนาทีได้ โดยเป้ารายได้ ช่อง 8 สิ้นปีนี้มองว่าจะทำได้ 2 พันล้านบาทโตขึ้น 100% และมีกำไรอย่างมีนัยยะสำคัญ
