ผู้จัดการรายวัน 360 - วิกฤตอุตสาหกรรมโทรทัศน์รับปี 59 ส่อแววเหนื่อยสุดๆ เหตุกำลังซื้อหด ไม่มีเงินจ่ายค่าบริการ ทุกแพลตฟอร์มเตรียมอัดแคมเปญส่งแพกเกจราคาถูกทะลวงแย่งลูกค้า ชี้ปัญหาการเรียงช่อง กระทบเพียงบางแพลตฟอร์มและเคเบิลทีวีโอปอเรเตอร์รายเล็กราว 100 รายเท่านั้น
นายเกษม อินทร์แก้ว อดีตนายกสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย และในฐานะกรรมการผู้จัดการ บริษัท นวมินทร์เคเบิลทีวี จำกัด เปิดเผยว่า ตามที่ กสทช.ได้ประกาศใช้ร่างประกาศฯ เรียงช่องใหม่ ที่มีการจัดเรียงช่องทีวีดิจิตอล ประเภทบริการสาธารณะและธุรกิจ ที่หมายเลข 1-36 เหมือนกันทุกแพลตฟอร์มนั้น ทางเคเบิลทีวีโอปอเรเตอร์ส่วนใหญ่ทราบเรื่องดังกล่าวมาสักระยะแล้ว และได้เตรียมการรับมือไว้แล้วเช่นกัน
ดังนั้น หลังประกาศใช้ร่างฉบับดังกล่าวจึงสามารถจัดเรียงช่องได้ตามที่ กสทช.กำหนดได้โดยไม่ได้รับความเดือดร้อนแต่อย่างใด ขณะที่กลุ่มเคเบิลโอปอเรเตอร์ที่จะได้รับผลกระทบจากร่างประกาศฯ ฉบับนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มรายเล็ก ที่มีการให้บริการในแพลทฟอร์มของตนเพียงไม่เกิน 60 ช่อง และมีฐานสมาชิกไม่มากนัก ดังนั้น หากถูก กสทช.บังคับให้ 1-36 เป็นช่องทีวีดิจิตอลแล้ว ช่องที่เหลืออาจจะไม่เพียงพอในการนำเสนอคอนเทนต์ช่องอื่นๆ ที่ซื้อมานั่นเอง
ปัญหาการเรียงช่องตามร่างประกาศฯ ที่ กสทช.กำหนดออกมานั้น ในความเป็นจริงไม่ได้ส่งผลกระทบต่อกลุ่มเคเบิลทีวีเลย เพราะก่อนหน้านี้ก็มีการนำช่องทีวีดิจิตอลมาออกอากาศในแต่ละแพลตฟอร์มจัดเรียงเป็นหมวดหมู่ตามแต่ละรายวางแผนไว้ แต่ครั้งนี้คือเพียงนำมาเรียงลำดับใหม่เริ่มตั้งแต่เลขช่อง 1-36 เท่านั้น
“ผมมองว่าแพลตฟอร์มที่น่าจะกระทบสุด น่าจะเป็นแพลตฟอร์มจานดาวเทียม อย่าง PSI จากก่อนหน้านี้ที่ยังไม่มีทีวีดิจิตอลเกิดขึ้น และ PSI ได้ขอใบอนุญาติการดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้อง จึงมีการคิดค่าเลขช่องจากลูกค้าบางราย ดังนั้นพอมีเรื่องการเรียงเลขช่องทีวีดิจิตอลเกิดขึ้น PSI จะเป็นผู้ได้รับผลกระทบสูงสุด นอกจากนี้ อาจจะมีกลุ่มเคเบิลทีวีรายย่อยที่มีจำนวนช่องน้อยๆ ไม่เกิน 60 ช่องอีกกลุ่ม ที่น่าจะได้รับผลกระทบเช่นกัน ซึ่งมีกว่า 100 ราย จากจำนวนเคเบิลโอปอเรเตอร์ทั่วประเทศกว่า 200 ราย” นายเกษมกล่าว
นายเกษมกล่าวต่อว่า ในส่วนของกลุ่มแพลทฟอร์มเคเบิลทีวี ในปี 2559 ถือเป็นปีที่วิกฤตอีกปีหนึ่ง จากปีนี้มีปัญหาคาราคาซังกับทาง CTH รวมถึงการแข่งขันของทีวีดิจิตอลแล้วนั้น ในปีหน้ายังมองว่าปัญหาใหญ่ที่สำคัญอีกเรื่อง คือ เรื่องของกำลังซื้อ เพราะเริ่มเห็นสัญญาณการหาสมาชิกใหม่ได้ยากขึ้น ที่มีอยู่เริ่มค้างชำระ หากมีการค้างชำระสะสมเป็น 2-3 เดือนขึ้นไปแล้ว คาดว่าลูกค้าจะขอยกเลิกสัญญาไปหมด ยอดสมาชิกจะมีน้อยลง ถือเป็นปีที่ยังต้องเหนื่อยอย่างมาก จากสภาพเศรษฐกิจเป็นหลักทำให้กำลังซื้อไม่มีเงินใช้จ่าย กลยุทธ์ทางด้านราคาจะถูกนำมาใช้มากขึ้น จากปกติค่าบริการเคเบิลทีวีถือว่าถูกมาก ประมาณ 250, 300 และ 350 บาทต่อเดือนเท่านั้น
“ผู้บริโภคอยู่ในภาวะกำลังซื้อไม่มีเงิน ถือเป็นปัญหาใหญ่ของทุกแพลตฟอร์ม ไม่ใช่แค่เคเบิลทีวีจะได้รับผลกระทบ แต่แพลตฟอร์มอื่นๆ ก็จะเจอปัญหานี้เช่นกัน เช่น CTH จากการที่ดึงลูกค้าที่รับชมพรีเมียร์ลีกไปจากเคเบิลทีวี กลุ่มลูกค้าเหล่านี้อาจจะแค่รอชมการแข่งขันพรีเมียร์ลีกจบลงในฤดูกาลนี้เท่านั้นและจะยกเลิกบริการลงทันที นี่จึงเป็นอีกปัญหาใหญ่ที่มองว่าในปีหน้าจะเป็นปีที่ทุกแพลตฟอร์มจะลงมาแข่งขันกันเรื่องของราคา ที่สำคัญไม่มีแพลตฟอร์มไหนโดดเด่นในการที่จะมีฐานสมาชิกเพิ่ม ทุกแพลตฟอร์มเหนื่อยกันหมด และจำนวนสมาชิกมีแต่จะลดน้อยลงอย่างเดียว” นายเกษมกล่าวสรุป
นายเกษม อินทร์แก้ว อดีตนายกสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย และในฐานะกรรมการผู้จัดการ บริษัท นวมินทร์เคเบิลทีวี จำกัด เปิดเผยว่า ตามที่ กสทช.ได้ประกาศใช้ร่างประกาศฯ เรียงช่องใหม่ ที่มีการจัดเรียงช่องทีวีดิจิตอล ประเภทบริการสาธารณะและธุรกิจ ที่หมายเลข 1-36 เหมือนกันทุกแพลตฟอร์มนั้น ทางเคเบิลทีวีโอปอเรเตอร์ส่วนใหญ่ทราบเรื่องดังกล่าวมาสักระยะแล้ว และได้เตรียมการรับมือไว้แล้วเช่นกัน
ดังนั้น หลังประกาศใช้ร่างฉบับดังกล่าวจึงสามารถจัดเรียงช่องได้ตามที่ กสทช.กำหนดได้โดยไม่ได้รับความเดือดร้อนแต่อย่างใด ขณะที่กลุ่มเคเบิลโอปอเรเตอร์ที่จะได้รับผลกระทบจากร่างประกาศฯ ฉบับนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มรายเล็ก ที่มีการให้บริการในแพลทฟอร์มของตนเพียงไม่เกิน 60 ช่อง และมีฐานสมาชิกไม่มากนัก ดังนั้น หากถูก กสทช.บังคับให้ 1-36 เป็นช่องทีวีดิจิตอลแล้ว ช่องที่เหลืออาจจะไม่เพียงพอในการนำเสนอคอนเทนต์ช่องอื่นๆ ที่ซื้อมานั่นเอง
ปัญหาการเรียงช่องตามร่างประกาศฯ ที่ กสทช.กำหนดออกมานั้น ในความเป็นจริงไม่ได้ส่งผลกระทบต่อกลุ่มเคเบิลทีวีเลย เพราะก่อนหน้านี้ก็มีการนำช่องทีวีดิจิตอลมาออกอากาศในแต่ละแพลตฟอร์มจัดเรียงเป็นหมวดหมู่ตามแต่ละรายวางแผนไว้ แต่ครั้งนี้คือเพียงนำมาเรียงลำดับใหม่เริ่มตั้งแต่เลขช่อง 1-36 เท่านั้น
“ผมมองว่าแพลตฟอร์มที่น่าจะกระทบสุด น่าจะเป็นแพลตฟอร์มจานดาวเทียม อย่าง PSI จากก่อนหน้านี้ที่ยังไม่มีทีวีดิจิตอลเกิดขึ้น และ PSI ได้ขอใบอนุญาติการดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้อง จึงมีการคิดค่าเลขช่องจากลูกค้าบางราย ดังนั้นพอมีเรื่องการเรียงเลขช่องทีวีดิจิตอลเกิดขึ้น PSI จะเป็นผู้ได้รับผลกระทบสูงสุด นอกจากนี้ อาจจะมีกลุ่มเคเบิลทีวีรายย่อยที่มีจำนวนช่องน้อยๆ ไม่เกิน 60 ช่องอีกกลุ่ม ที่น่าจะได้รับผลกระทบเช่นกัน ซึ่งมีกว่า 100 ราย จากจำนวนเคเบิลโอปอเรเตอร์ทั่วประเทศกว่า 200 ราย” นายเกษมกล่าว
นายเกษมกล่าวต่อว่า ในส่วนของกลุ่มแพลทฟอร์มเคเบิลทีวี ในปี 2559 ถือเป็นปีที่วิกฤตอีกปีหนึ่ง จากปีนี้มีปัญหาคาราคาซังกับทาง CTH รวมถึงการแข่งขันของทีวีดิจิตอลแล้วนั้น ในปีหน้ายังมองว่าปัญหาใหญ่ที่สำคัญอีกเรื่อง คือ เรื่องของกำลังซื้อ เพราะเริ่มเห็นสัญญาณการหาสมาชิกใหม่ได้ยากขึ้น ที่มีอยู่เริ่มค้างชำระ หากมีการค้างชำระสะสมเป็น 2-3 เดือนขึ้นไปแล้ว คาดว่าลูกค้าจะขอยกเลิกสัญญาไปหมด ยอดสมาชิกจะมีน้อยลง ถือเป็นปีที่ยังต้องเหนื่อยอย่างมาก จากสภาพเศรษฐกิจเป็นหลักทำให้กำลังซื้อไม่มีเงินใช้จ่าย กลยุทธ์ทางด้านราคาจะถูกนำมาใช้มากขึ้น จากปกติค่าบริการเคเบิลทีวีถือว่าถูกมาก ประมาณ 250, 300 และ 350 บาทต่อเดือนเท่านั้น
“ผู้บริโภคอยู่ในภาวะกำลังซื้อไม่มีเงิน ถือเป็นปัญหาใหญ่ของทุกแพลตฟอร์ม ไม่ใช่แค่เคเบิลทีวีจะได้รับผลกระทบ แต่แพลตฟอร์มอื่นๆ ก็จะเจอปัญหานี้เช่นกัน เช่น CTH จากการที่ดึงลูกค้าที่รับชมพรีเมียร์ลีกไปจากเคเบิลทีวี กลุ่มลูกค้าเหล่านี้อาจจะแค่รอชมการแข่งขันพรีเมียร์ลีกจบลงในฤดูกาลนี้เท่านั้นและจะยกเลิกบริการลงทันที นี่จึงเป็นอีกปัญหาใหญ่ที่มองว่าในปีหน้าจะเป็นปีที่ทุกแพลตฟอร์มจะลงมาแข่งขันกันเรื่องของราคา ที่สำคัญไม่มีแพลตฟอร์มไหนโดดเด่นในการที่จะมีฐานสมาชิกเพิ่ม ทุกแพลตฟอร์มเหนื่อยกันหมด และจำนวนสมาชิกมีแต่จะลดน้อยลงอย่างเดียว” นายเกษมกล่าวสรุป