MGR Online - ป.ป.ส.กรมการขนส่งทางบก กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ นำกำลังลงพื้นที่ตรวจหาสารเสพติดในปัสสาวะพนักงานขับรถตู้โดยสารสาธารณะใน กทม. 4 จุด เพื่อณรงค์"เดินทางปลอดภัยไร้ยาเสพติด"ก่อนเทศกาลปีใหม่ ตรวจพบโชว์เฟอร์รถตู้โดยสารสาย 37-41 อนุสาวรีย์-อ่าวอุดม ฉี่เป็นสี่ม่วง 1 รายสารภาพเพิ่งเสพมา 3-4 วัน
วันนี้( 21 ธ.ค.)เมื่อเวลา 1.00 น.อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ นายณรงค์ รัตนานุกูล เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วย นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก พล.ต.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการ พล.ต.ต.วิชาญวัชร์ บริรักษ์กุล ผบก.น.1 เจ้าหน้าที่กรมขนส่งทางบก ลงพื้นที่ปฏิบัติการปล่อยแถวกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 200 นาย เพื่อตรวจหาสารเสพติดในปัสสาวะของพนักงานขับรถตู้โดยสารสาธารณะในพื้นที่ 4 จุด เพื่อลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาล ปีใหม่ 2559 พร้อมทั้งรณรงค์ประชาสัมพันธ์ "เดินทางปลอดภัยไร้ยาเสพติด" ให้กับผู้ที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือท่องเที่ยว เพื่อป้องกันการตกเป็นเหยื่อของขบวนการลักลอบขนยาเสพติด ด้วยการไม่รับฝากของจากคนแปลกหน้า พร้อมทั้งขอความร่วมมือเป็นหูเป็นตาให้เจ้าหน้าที่โดยสามารถแจ้งเบาะแสยาเสพติดผ่านสายด่วน ป.ป.ส.1386
นายณรงค์ รัตนานุกูล เลขาธิการ ป.ป.ส.เปิดเผยว่า “มาตรการนี้เป็น 1 ในแผนปฏิบัติการเดินทางปลอดภัยไร้ยาเสพติด ซึ่งเป็นนโยบาย การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในช่วงปี 2559 โดย ป.ป.ส.ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก ตำรวจ และทหาร จำนวน 200 นาย ตั้งตรวจหาสารเสพติดในปัสสาวะของพนักงานขับรถตู้โดยสารสาธารณะเป้าหมาย จำนวน 650 คัน พื้นที่ 4 จุด คือบริเวณเกาะพญาไท ,บริเวณใต้ทางด่วนทางลงถนนพหลโยธิน บริเวณใต้ทางด่วนทางขึ้นดินแดง และบริเวณวิคตอร์รี่พ้อยท์ เพื่อลดอุบัติเหตุที่เกิดจากยาเสพติด ทั้งนี้ในระยะหลังเริ่มพบว่ามีประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อของขบวนการลักลอบขนยาเสพติด ที่พยายามใช้วิธีการและช่วงเวลาดังกล่าวในการหลบเลี่ยงการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ขณะเดียวกันทางสำนักงาน ป.ป.ส. จะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจหาสารเสพติดพนักงานขับรถโดยสารสาธารณะสถานีขนส่งตามจังหวัดด้วย
นายณรงค์ กล่าวด้วยว่า สำนักงาน ป.ป.ส. มีข้อพึงระวัง 4 ข้อ เพื่อให้การเดินทางปลอดภัยไร้ยาเสพติด ที่ต้องการแจ้งเตือนผู้ที่เดินทาง คือ
1.เวลาเดินทางอย่ารับฝากของจากผู้อื่นโดยไม่ตรวจสอบให้ดี เพราะอาจต้องกลายเป็นผู้ต้องหาขนยาเสพติดโดยไม่รู้ตัว 2.ระวังไม่ให้กระเป๋าหรือห่อสัมภาระอยู่คลาดสายตา เพราะอาจมีคนไม่หวังดีนำยาเสพติดมาซุกไว้ในกระเป๋าคุณ 3.หากทำหน้าที่ขับรถ ควรพักผ่อนให้เต็มที่ จะได้ไม่ต้องใช้ยาเสพติดหรือสารกระตุ้นต่างๆ เพราะอาจเป็นต้นเหตุทำให้เกิดอุบัติเหตุ และ4.เมื่อถึงที่หมายแล้ว ฉลองปีใหม่ โดยไม่ใช้ยาเสพติด จะทำให้ชีวิตพบแต่สิ่งดีงาม
ด้านนายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า กรมการขนส่งทางบกตั้งเป้าลดจำนวนอุบัติเหตุของรถโดยสารสาธารณะที่มาจากตัวรถหรือผู้ขับขี่ให้เกิดขึ้นน้อยที่สุด โดยจะมีการตรวจสอบพนักงานขับรถก่อนปฏิบัติหน้าที่ทุกครั้งซึ่งแอลกอฮอล์ต้องเป็นศูนย์ หากตรวจสอบพบปริมาณแอลกอฮอล์ให้เปลี่ยนพนักงานขับรถทันที และหากตรวจพบขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่ ต้องมีความผิดระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 2,000-10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และผู้ประกอบการขนส่งมีโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท และหากตรวจสอพบว่าใช้สารเสพติด จะห้ามขับรถและให้เปลี่ยนตัวพนักงานขับรถ ก่อนส่งตัวดำเนินคดีตามกฎหมายทันที
ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ขับขี่รถตู้โดยสารสาธารณะมาทำการตรวจปัสสาวะ วัดปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายด้วยเครื่องเป่า และตรวจร่างกาย จำนวน 46 คน ผลปรากฏว่ามีนายคมสันต์ ขะมา อายุ 39 ปี พนักงานขับรถตู้โดยสารสาธารณะสาย 37-41 วิ่งระหว่างอนุสาวรีย์-อ่าวอุดม มีปัสสาวะเป็นสีม่วง เบื้องต้นเจ้าตัวรับสารภาพว่า ตนไม่ได้เสพยาบ้าเป็นประจำ บางเดือนก็ไม่ได้เสพ โดยล่าเพิ่งเสพมาเมื่อ 3-4 วันก่อน เพราะนึกครึ้มใจ ไม่ได้เสพเพราะต้องขับรถแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงเตรียมนำตัวส่งบำบัดต่อไป