กรมพัฒนาธุรกิจการค้าลงนามความร่วมมือธนาคารมิซูโอจากญี่ปุ่น ขยายการให้บริการ e-Certificate เปิดโอกาสให้ประชาชน ผู้ประกอบธุรกิจ ยื่นขอหนังสือรับรองบริษัทประเภทต่างๆ ผ่านสาขาของธนาคารเป็นรายที่ 7 หลังจากก่อนหน้านี้ได้ร่วมมือกับธนาคารไทยไปแล้ว 6 แห่ง
น.ส.ผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ลงนามบันทึกความตกลงความร่วมมือกับนายเคนทาโร่ มารูกิ ผู้จัดการทั่วไป ธนาคารมิซูโฮ เพื่อเปิดให้บริการออกหนังสือรับรองและรับรองสำเนาเอกสารนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Certificate) ผ่านธนาคาร โดยจะเริ่มเปิดให้บริการได้ประมาณเดือนมี.ค. 2559 ซึ่งทำให้จนถึงปัจจุบันมีธนาคารพันธมิตรที่เปิดให้บริการ e-Certificate รวมเป็น 7 ธนาคาร
ทั้งนี้ เดิมกรมฯ ได้ร่วมมือกับธนาคารพันธมิตร 6 ธนาคาร คือ กรุงเทพ กรุงไทย ออมสิน กสิกรไทย ไทยพาณิชย์ และธนชาต รวม 4,245 สาขา จากทั้งหมด 6,162 สาขาทั่วประเทศ และหากรวมธนาคารมิซูโฮอีก 1 สาขา ที่จะเปิดให้บริการในกรุงเทพฯ จะทำให้มีสาขาธนาคารที่เปิดให้บริการ e-Certificate รวมทั้งสิ้น 4,246 สาขา
สำหรับบริการออกหนังสือรับรองเอกสารประเภทต่างๆ ที่สามารถขอรับบริการ ได้แก่ หนังสือรับรองนิติบุคคลของห้างหุ้นส่วน บริษัทจำกัด และบริษัทมหาชนจำกัด, รับรองสำเนาเอกสารทางทะเบียน งบการเงิน และบัญชีรายชื่อของห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน บริษัทจำกัด บริษัทจำกัดมหาชน, หนังสือรับรองข้อความที่นายทะเบียนเก็บรักษาไว้ของการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว, รับรองสำเนาเอกสารทางทะเบียน และงบการเงิน การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว, รับรองสำเนาเอกสารทางทะเบียน งบการเงิน ทะเบียนสมาชิกสมาคมการค้าและหอการค้า
โดยประชาชาชนและผู้ประกอบการสามารถยื่นคำขอผ่านอินเทอร์เน็ตหรือที่ธนาคาร และสามารถรับเอกสารที่สาขาของธนาคารทั่วประเทศที่มีโลโก้ DBD e-Certificate ซึ่งสามารถขอรับบริการได้ในวันทำการ ตั้งแต่เวลา 08.30-17.00 น.
“เป็นเรื่องน่ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ธนาคารมิซูโฮ ซึ่งเป็นธนาคารชั้นนำหนึ่งในสามของประเทศญี่ปุ่นร่วมกับกรมฯ ในการเปิดให้บริการ e-Certificate ซึ่งจะสามารถอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการธุรกิจชาวญี่ปุ่นที่มาประกอบธุรกิจในไทย และทำให้ประชาชนผู้ใช้บริการประหยัดเวลาในการเดินทางเป็นอย่างมาก” น.ส.ผ่องพรรณกล่าว
น.ส.ผ่องพรรณกล่าวว่า การออกหนังสือรับรองและรับรองสำเนาเอกสารของนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Certificate) ผ่านธนาคารนั้น เป็นไปตามพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) ได้ออกประกาศรับรองระบบการพิมพ์ออก ในระบบหนังสือรับรองนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ทำให้เอกสารที่ออกโดยระบบดังกล่าวมีผลบังคับใช้เช่นเดียวกับต้นฉบับเอกสารทางราชการทั่วไป
ในปี 2558 มีผู้ใช้บริการรวมทั้งสิ้น 143,067 ราย โดยเฉลี่ย 589 รายต่อวัน รายได้ค่าธรรมเนียมกว่า 30 ล้านบาท แนวโน้มการขยายตัวของผู้ใช้บริการมีอย่างต่อเนื่อง เพิ่มขึ้นกว่า 23,000 ราย คิดเป็น 20% เมื่อเทียบกับปี 2557 ที่มีจำนวน 119,417 ราย เป็นการใช้บริการในกรุงเทพฯ ร้อยละ 58 และส่วนภูมิภาคร้อยละ 42