ผู้จัดการรายวัน 360 - ด้วยระยะเวลาเพียงหนึ่งขวบปีที่ www.topvalue.com เปิดตัวในฐานะห้างสรรพสินค้าออนไลน์สัญชาติไทย 100% ต้องถือว่าประสบความสำเร็จอย่างน่าชื่นชมทั้งในแง่ของจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์และสั่งซื้อสินค้า รวมถึงยอดขายที่นับวันจะเติบโตขึ้นอีกหลายเท่าตัว
ก้าวต่อไปในปีที่สองของ www.topvalue.com จึงน่าติดตามไม่น้อยว่า “ธนากร แซ่ลิ้ม” ชายหนุ่มวัย 33 ปี ผู้ผันตัวเองจากอุตสาหกรรมหนักสู่ธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หรืออี-คอมเมิร์ซ ในฐานะกรรมการผู้จัดการ บริษัท ท็อปแวลู คอร์ปอเรท จำกัด จะดำเนินกลยุทธ์อย่างไรเพื่อก้าวไปยังจุดหมายที่ตั้งใจ
@ มุมมองต่อธุรกิจอี-คอมเมิร์ซในประเทศไทย?
ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาธุรกิจอี-คอมเมิร์ซในประเทศไทยมีการเติบโตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 20% ต่อปี โดยปัจจุบันมีผู้บริโภคไทยเริ่มซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ราว 15 ล้านคน ขณะที่มีผู้ประกอบการธุรกิจอี-คอมเมิร์ซผ่านช่องทางต่างๆ เช่น โซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ และมาร์เกตเพลส ประมาณ 5 แสนราย ขณะที่มูลค่าตลาดอี-คอมเมิร์ซในส่วนของการซื้อขายตรงไปยังผู้บริโภคในปี 2558 คาดว่าจะมีสูงถึง 2.2 แสนล้านบาท ซึ่งแม้จะยังมีสัดส่วนไม่ถึง 1% ของตลาดรวมค้าปลีกที่คาดว่าจะมีถึง 3 ล้านล้านบาท แต่โอกาสการเติบโตของธุรกิจอี-คอมเมิร์ซของไทยยังมีอีกมาก เนื่องจากมีปัจจัยสนับสนุนหลายๆ ด้าน ทั้งในเรื่องของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะ 4G ที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี 2559 ตลอดจนการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและจำนวนการใช้สมาร์ทโฟนที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการพัฒนาระบบชำระเงินออนไลน์ให้มีความปลอดภัยและน่าเชื่อถือมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
@ ความแตกต่างและจุดเด่นของ www.topvalue.com ?
www.topvalue.com ถือเป็นห้างสรรพสินค้าออนไลน์สัญชาติไทยแท้ 100% ที่มีรูปแบบมาร์เกตเพลสในลักษณะ B2B2C หรือ Business to Business to Customer คือบุคคลทั่วไป บริษัท และเจ้าของสินค้าสามารถพบและเจรจาซื้อขายได้โดยตรง โดยไม่มีพ่อค้าคนกลางและไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ แอบแฝง ยกเว้นเพียงค่าธรรมเนียมเมื่อขายได้เริ่มต้นที่ 0% ตามประเภทสินค้า
ขณะที่ผู้นำด้านธุรกิจอี-คอมเมิร์ซในประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นบริษัทข้ามชาติที่มีทุนมหาศาล ดังนั้นเป้าหมายของเราจึงมุ่งเน้นให้คนไทยด้วยกันได้ประโยชน์สูงสุดทั้งในส่วนของผู้ซื้อและผู้ขาย ภายใต้นโยบาย “ของแท้ ของถูก ของเร็ว” โดยเราจะมีการรวบรวมสินค้าในราคาลดพิเศษต่ำกว่าร้านค้าและห้างสรรพสินค้าทั่วไปประมาณ 30-50% และยังมีโปรโมชันลดสูงสุด 88% จากสินค้า 100-200 แบรนด์ทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งสิ้น 3 หมื่นเอสเคยูใน 8 หมวดหมู่ ได้แก่ 1. โทรศัพท์มือถือ กล้องถ่ายรูป และอุปกรณ์ไอที 2. เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน 3. เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลผิว 4. ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม 5. เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า 6. นาฬิกา เครื่องประดับ 7. ผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก และของเล่นเด็ก 8. ผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยง
เรามีช่องทางการชำระเงินที่หลากหลายให้ลูกค้าเลือกตามความสะดวก ทั้งชำระผ่านบัตรเครดิต หรือโอนเงินผ่านธนาคารและตู้เอทีเอ็มทุกสาขา รวมถึงเคาน์เตอร์เซอร์วิส ตลอดจนบริการชำระเงินปลายทาง รับสินค้าก่อนจ่ายทีหลัง หากไม่พอใจสินค้าสามารถเปลี่ยน หรือคืนเงินภายใน 7 วัน นอกจากนี้ หากลูกค้าสามารถตรวจสอบได้ว่าสินค้านั้นไม่ใช่ของแท้ เรายังยินดีคืนเงินให้ 2 เท่าของราคาสินค้า
เรายังมีระบบคลังสินค้าที่ทันสมัยและทีมงานที่เชี่ยวชาญตั้งอยู่ที่ถนนพระราม 2 จ.สมุทรสาคร บนพื้นที่กว่า 7 ไร่ หรือ 1.2 หมื่นตารางเมตร โดยมีพันธมิตรด้านธุรกิจลอจิสติกส์คือ DHL และ TNT ในการให้บริการจัดส่งสินค้าฟรีสำหรับลูกค้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่สั่งซื้อสินค้าครั้งละ 499 บาทขึ้นไป และส่งฟรีสำหรับลูกค้าในพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศที่สั่งซื้อสินค้าครั้งละ 799 บาทขึ้นไป โดยลูกค้าที่มียอดสั่งซื้อต่ำกว่าที่กำหนดจะชำระค่าจัดส่งในราคาถูกพิเศษต่ำกว่าปกติ ทั้งยังจะได้รับสินค้าภายใน 1-3 วันนับจากการสั่งซื้อ
ด้วยเหตุที่พฤติกรรมนักชอปออนไลน์ของไทยส่วนใหญ่ยังคงนิยมเห็นสินค้าจริงก่อนตัดสินใจซื้อ www.topvalue.com จึงมีการจัดช่องทางการสื่อสารเพื่อแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสินค้าแต่ละรายการผ่านการรีวิวสินค้าโดยผู้ซื้อสินค้าด้วยกันเอง รวมถึงจัดให้มีการสนทนากับเจ้าหน้าที่ Call Center ผ่านทาง Live Chat! เพื่อช่วยให้ผู้บริโภคมั่นใจในสินค้าและตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น
@ ผลการดำเนินงานในปี 2558 และเป้าหมายในปี 2559?
ปัจจุบันมีผู้นำสินค้ามาจำหน่ายผ่าน www.topvalue.com มากกว่า 1 พันร้านค้า ในแต่ละเดือนมีผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ในช่วงเวลาปกติประมาณ 2-3 แสนคน และเพิ่มเป็น 5-7 แสนคนในช่วงที่มีจัดโปรโมชัน คิดเป็นจำนวนเงินในการทำธุรกรรมซื้อขายกว่า 10 ล้านบาทต่อเดือน ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นเพศชาย-หญิง อายุ 25-35 ปี ในสัดส่วนกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด 50:50 โดยส่วนใหญ่ยังคงมีพฤติกรรมชำระเงินปลายทาง 70-80%
ในส่วนของมูลค่าการซื้อต่อครั้งมีตั้งแต่ 100 บาทจนถึง 1 แสนบาทขึ้นไป โดยสินค้าจำหน่ายดีในแง่ของจำนวนเงินต่อชิ้นคือเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ขณะที่เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลผิวจำหน่ายดีในแง่ปริมาณ โดยในปี 2559 ยังมีเพิ่มพันธมิตรทางธุรกิจจากที่มีในปัจจุบันคือเครือสหพัฒน์, มิตซูบิชิ และอื่นๆ
ในปี 2559 บริษัทฯ มีเป้าหมายเพิ่มจำนวนสินค้าเป็น 6 หมื่นเอสเคยู เพื่อเพิ่มยอดขายเป็น 30 ล้านบาทต่อเดือน และมีผู้เข้าชมเว็บไซต์เดือนละ 2 ล้านคน ขณะเดียวกันยังจะปรับสัดส่วนลูกค้ากรุงเทพฯ และปริมณฑลเป็น 20-30% ต่างจังหวัด 70-80% พร้อมเปลี่ยนพฤติกรรมการชำระเงินของลูกค้าเป็นการโอนเงินและชำระผ่านบัตรเครดิตเป็น 70-80% และชำระเงินปลายทาง 20-30%
@ กลยุทธ์สำคัญในการสู่เป้าหมาย?
ในปี 2558 บริษัทฯ ใช้เงินลงทุน 5.7 ล้านบาทในการเปิด “ป็อปอัพ สโตร์” (Pop Up Store) หรือร้านค้าชั่วคราวเป็นรายแรกในประเทศไทยของผู้ดำเนินธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ บนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สยามสแควร์ บนพื้นที่ 20 ตารางเมตร เพื่อเป็นจุดศูนย์กลางในการรับสินค้าและสั่งซื้อสินค้าระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขายที่ทำธุรกรรมผ่านหน้าเว็บไซต์ www.topvalue.com อีกทั้งยังเป็นหน้าร้านเพื่ออัปเดตสินค้าใหม่ทุกวัน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักชอปออนไลน์ที่ต้องการตรวจสอบสินค้าก่อนการตัดสินใจซื้อผ่านหน้าเว็บไซต์ซึ่งมีมากถึง 43% หรือ 6.4 ล้านคนจากผู้ซื้อสินค้าออนไลน์ทั้งหมดกว่า 15 ล้านคน
“ป็อปอัพ สโตร์” ถือเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดของชอปปิ้งออนไลน์ที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่เดินผ่านไปมาบนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส โดยบริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะลงทุนอีก 50 ล้านบาทในปี 2559 เพื่อขยาย “ป็อปอัพ สโตร์” บนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสอีกหลายสถานี เช่น สถานีหมอชิต, สถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ, สถานีพญาไท, สถานีอโศก, สถานีช่องนนทรี, สถานีอ่อนนุช และสถานีสามแยกบางใหญ่ (สายสีม่วง) เพื่อต้องการเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น
ในปี 2559 บริษัทฯ ยังจะเพิ่มงบประมาณการตลาดแต่ละเดือนเพิ่มขึ้นอีก 2-3 เท่าจากที่ใช้เดือนละ 2 ล้านบาทในปี 2558 โดยยังคงเน้นช่องทางออนไลน์เป็นหลักเพื่อสร้างการรับรู้และเข้าถึงผู้บริโภคและร้านค้าออฟไลน์ให้มาใช้บริการผ่าน www.topvalue.com มากขึ้น นอกจากนั้น ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2559 ยังจะมีการพัฒนาแอปพลิเคชัน รวมถึงร่วมมือกับธนาคารพาณิชย์และพันธมิตรธุรกิจในการจัดโปรโมชันส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง
“การดำเนินงานในช่วง 2 ปีแรกถือเป็นการเริ่มต้นธุรกิจและสร้างรากฐานให้มั่นคง เพื่อนำไปสู่รายได้อย่างจริงจังใน 3-5 ปี”
นั่นคือเป้าหมายหลักของ “ธนากร แซ่ลิ้ม” หัวเรือใหญ่ของ www.topvalue.com