“อนันตพร” เกาะติดราคาน้ำมันตลาดโลกยอมรับราคาต่ำไปใช้กันเพลิน โดยเฉพาะดีเซลอาจส่งคืนเป็นภาษีสรรพสามิตให้เป็นรายได้รัฐแทน แย้มราคาไม่ควรต่ำกว่า 20 บาทต่อลิตร ขณะที่กองทุนน้ำมันฯ มีรายได้สะสมมากพอแล้ว พร้อมลงพื้นที่ตรวจสอบคุณภาพน้ำมันรับประชาชนเดินทางปีใหม่
พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวภายหลังลงพื้นที่ตรวจสอบคุณภาพน้ำมันของสถานีบริการน้ำมัน ปตท. สาขาสวัสดิการ ร.1 รอ. เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.ว่า ขณะนี้ยังคงต้องติดตามราคาน้ำมันตลาดโลกเพื่อที่จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ต่อไป โดยยอมรับว่าส่วนของดีเซลนั้นราคาขายปลีกที่เหมาะสมไม่ควรจะต่ำกว่า 20 บาทต่อลิตร โดยในช่วงที่ราคาต่ำมากๆ ก็ควรจะนำไปเป็นรายได้เข้ารัฐจะดีกว่า
“ก่อนหน้าเราเก็บเงินดีเซลเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 0.70 บาทต่อลิตรก็เพื่อที่จะคืนเป็นรายได้รัฐ แต่จะเก็บเพิ่มอีกหรือไม่ขอดูราคาตลาดโลกก่อนว่าจะลดลงมากน้อยเพียงใด ส่วนของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชนเราก็ให้แล้วทั้งการลดราคา ค่าไฟฟ้า และแก๊ส” พล.อ.อนันตพลกล่าว
ทั้งนี้ เพื่อรองรับการเดินทางท่องเที่ยวของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ทางกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) จะส่งเจ้าหน้าที่สุ่มตรวจปั๊มน้ำมัน เบื้องต้นพบว่าคุณภาพน้ำมันทุกประเภทอยู่ในเกณฑ์ปกติ และจากการตรวจสอบคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงในปีงบประมาณ 2558 พบว่า 99.48% มีการจำหน่ายน้ำมันคุณภาพถูกต้อง ซึ่งสถานีบริการน้ำมันที่ผ่านการตรวจสอบแล้วจะได้รับใบรับรองผลและติดสติกเกอร์ที่ตู้จ่ายน้ำมัน แต่หากคุณภาพน้ำมันไม่เป็นไปตามประกาศกรมธุรกิจพลังงาน ในส่วนของปั๊มน้ำมันจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำและปรับ แต่หากเป็นผู้ปลอมปนน้ำมันจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 50,000-100,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ
สำหรับการตรวจสอบคุณภาพน้ำมันจะใช้รถตู้ที่มีการติดตั้งอุปกรณ์ตรวจสอบต่างๆ ปัจจุบันมีจำนวน 10 คัน แบ่งเป็นส่วนกลาง 6 คัน ซึ่งจะผลัดเปลี่ยนกันออกตรวจสอบคุณภาพตามปั๊มทั่วประเทศ ส่วนอีก 4 คันจะประจำอยู่ที่พลังงานจังหวัดนครราชสีมา นครสวรรค์ สงขลา และเชียงใหม่ โดยจะเน้นการตรวจสอบในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น บริเวณแนวชายแดน
นายวิฑูรย์ กุลเจริญรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าวว่า ปัจจุบันมีการลักลอบผสมน้ำมันที่มีคุณภาพต่ำ เพื่อนำไปจำหน่ายในราคาแพง อาทิ นำ E85 ไปผสม E20 และนำแก๊สโซฮอล์ 91 ไปผสมกับแก๊สโซฮอล์ 95 รวมถึงยังมีการจำหน่ายน้ำมันเกรดพรีเมียมในราคาที่สูงกว่าราคาน้ำมันปกติ แต่คุณภาพไม่แตกต่างกัน ทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด ในปีหน้าจึงเตรียมลงพื้นที่ตรวจสอบและบังคับใช้บทลงโทษอย่งจริงจัง อีกทั้งยังมีแผนส่งเสริมให้ผู้ค้าน้ำมันขยายสถานีบริการก๊าซเอ็นจีวีตามแนวท่อเพิ่มเติมอีก 1-2 แห่ง จากปัจจุบันมีอยู่ 487 แห่ง