“กบง.” เคาะราคาขายปลีกแอลพีจีเดือน ธ.ค.คงเดิมที่ 22.29 บาทต่อ กก. ยอมควักกองทุนฯ อุดหนุนแทนการขึ้นราคา 0.70 บาทต่อ กก. ขณะที่ราคาน้ำมันขายปลีกลดราคา 0.40 บาทต่อลิตร มีผล 4 ธ.ค.
นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่มี พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานวันที่ 3 ธ.ค.ว่า กบง.ได้พิจารณาราคาแอลพีจี (ก๊าซหุงต้ม) เดือนธันวาคม โดยมีมติให้คงราคาขายปลีกไว้ที่ 22.29 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) คงเดิมเพื่อบรรเทาผลกระทบค่าครองชีพประชาชนแม้ว่าราคาตลาดโลกจะต้องปรับเพิ่มขึ้นอีก 0.7040 บาทต่อ กก. โดยการนำเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในส่วนของกองทุนแอลพีจีมาอุดหนุนแทน โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 4 ธ.ค.นี้
“ราคาแอลพีจีตลาดโลกเดือน ธ.ค.ปรับขึ้นจากเดือนก่อน 55 เหรียญสหรัฐต่อตันมาอยู่ที่ 466 เหรียญต่อตัน ทำให้ราคา ณ โรงกลั่น ซึ่งเป็นราคาซื้อตั้งต้นของก๊าซ LPG (LPG Pool) โดยใช้ต้นทุนจากแหล่งผลิตและแหล่งจัดหาเฉลี่ยแบบถ่วงน้ำหนัก มีการปรับเพิ่มขึ้น 0.7040 บาท/กก. แต่สถานะกองทุนแอลพีจียังพอที่จะดูแลได้จึงนำมาอุดหนุนราคาส่วนนี้ ส่งผลให้รายจ่ายแอลพีจีจาก 300 กว่าล้านบาทต่อเดือนเพิ่มเป็น 557 ล้านบาทต่อเดือน ปัจจุบันฐานะกองทุนแอลพีจีอยู่ที่ 7,937 ล้านบาท” นายทวารัฐกล่าว
นายชวลิต พิชาลัย รองปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ขณะนี้ค่าการตลาดน้ำมันมีแนวโน้มสูงขึ้นเฉลี่ยกว่า 1.8 -1.9 บาทต่อลิตร ทำให้ราคาขายปลีกสามารถปรับเปลี่ยนลดลงได้ เนื่องจากราคาน้ำมันดิบตลาดโลกล่าสุดยังคงมีทิศทางลดลงหลังจากที่มีข่าวเกี่ยวกับสมาชิกในกลุ่มโอเปกออกมาแสดงความเห็นว่าการประชุมสมาชิกโอเปกวันที่ 4 ธ.ค.นี้จะยังคงระดับการผลิตน้ำมันดิบไว้ระดับเดิม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดผู้ค้ำน้ำมันจะประกาศลดราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิดลง 0.40 บาทต่อลิตร ยกเว้นแก๊สโซฮอล์อี 85 ลดลง 0.20 บาทต่อลิตร มีผลตั้งแต่วันที่ 4 ธ.ค.เป็นต้นไป ส่งผลให้ราคาขายปลีกในเขตกทม.และปริมณฑลใหม่เป็นดังนี้ เบนซิน 95 เป็น 31.76 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์95เป็น 24.80 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 24.38 บาทต่อลิตร E 20 อยู่ที่ 22.44 บาทต่อลิตร E 85 อยู่ที่ 19.34 บาทต่อลิตร ดีเซล 22.39 บาทต่อลิตร