“สนพ.” คาดการใช้ไฟสูงสุด (พีก) ปีหน้าหากอุณหภูมิแตะ 40 องศาฯ อาจเห็นพีกแตะ 2.9 หมื่นเมกะวัตต์แต่มีมาตรการรองรับแล้ว ย้ำสำรองไฟให้ดูที่โรงไฟฟ้าพร้อมจ่าย ไทยเสี่ยงหากจัดหาก๊าซฯ และถ่านหินไม่เป็นตามแผน
นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า สนพ. คาดการณ์การใช้พลังงานภาพรวมของไทยในปี 2559 จะเพิ่มขึ้น 2.7-3.5% จากปีนี้ เนื่องจากปัจจัยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และราคาน้ำมันยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ โดยสอดคล้องกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือ GDP ปี 2559 ที่คาดว่าจะขยายตัว 3-4% และได้คาดกาณณ์การใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีก) ปี 2559 จะอยู่ที่ระดับ 28,300-29,000 เมกะวัตต์ โดยระดับเฝ้าระวังจะอยู่ที่ 28,300 เมกะวัตต์ โดยการใช้ไฟฟ้าปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 173,863 ล้านหน่วย หรือเพิ่มขึ้น 3.1% จากปีก่อนจากอากาศที่ร้อน
“พีกปีนี้เกิดเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2558 เวลา 14.02 น. ณ อุณหภูมิ 36.7 องศาเซลเซียส อยู่ที่ระดับ 27,346 เมกะวัตต์ เรามองว่าพีกปีหน้าจะเพิ่มขึ้นจากอากาศที่ร้อนและร้อนนาน โดยคาดว่าอุณหภูมิอาจจะสูงในระดับ 40 องศาเซลเซียสซึ่งจะทำให้พีกขึ้นไปที่ 29,000 เกมะวัตต์ ดังนั้นรัฐจึงใช้มาตรการลดพีกลง ได้แก่ มาตรการ Demand Respond มาตรการรณรงค์ “พลังงานหาร 2” และมาตรการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง” นายทวารัฐกล่าว
นายทวารัฐกล่าวว่า กรณีที่ผู้ตั้งประเด็นว่ารัฐไม่ควรเร่งรัดจัดหาก๊าซฯ เพราะสำรองไฟฟ้ายังเหลือมากนั้น การยึดสำรองไฟจะต้องดูที่โรงไฟฟ้าพร้อมจ่าย กรณีที่ไม่จัดหาก๊าซฯ ได้ตามแผนจะทำให้โรงไฟฟ้าชุดหนึ่งไม่พร้อมจ่ายคือไม่มีเชื้อเพลิงความพร้อมจ่ายไฟจะตกลง การใช้ไฟช่วงสูงสุดอาจมีความเสี่ยงเพิ่ม ทางแก้คือจัดหาก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เพิ่มตั้งแต่ปี 2560-68 ซึ่งโรงไฟฟ้ามีเพดานรับก๊าซฯ อยู่ และหากจัดหาก๊าซฯ ไม่ได้ รวมกับถ่านหินไม่เกิดตามแผน ความเสี่ยงก็จะมากขึ้น
สำหรับการใช้น้ำมันสำเร็จรูป 10 เดือนแรก (ม.ค.-ต.ค. 58) เฉลี่ย 141 ล้านลิตรต่อวันเพิ่มขึ้น 1.5% โดยน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์เฉลี่ย 26 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้น 13.2% ดีเซล 59.4 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 3.4% จากราคาน้ำมันที่ลดต่ำและการใช้น้ำมันเครื่องบินเพิ่มขึ้น 9.2% เว้นน้ำมันเตาลด 5.7% ขณะที่การใช้แอลพีจี 5.6 แสนตันต่อเดือนลดลง 10.3% จากการปรับโครงสร้างราคาลอยตัว การใช้ NGV ลดลง 3.3% เนื่องจากผู้ใช้หันไปใช้น้ำมันราคาถูกแทน