“สนพ.” เผยข่าวดีคนไทยอีก 3-6 เดือนข้างหน้าทิศทางราคาน้ำมันและแอลพีจียังคงอ่อนตัวตามทิศทางน้ำมัน ยันไม่ยกเลิกโซฮอล์ 91 แต่ใช้ราคาให้ผู้บริโภคเลือกใช้เอง ลุ้นดีเซลแตะ 23 บาท/ลิตร ส่งสัญญาณคมนาคมลดค่าขนส่งได้แล้ว
นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า คาดการณ์ว่าในระยะ 3-6 เดือนข้างหน้าระดับราคาน้ำมันและก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ตลาดโลกจะมีทิศทางอ่อนตัวลงจากปัจจัยภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ประกอบกับปริมาณน้ำมันตลาดโลกมีเพิ่มขึ้นจากปริมาณน้ำมันของอิหร่านหลังบรรลุข้อตกลงด้านนิวเคลียร์กับชาติมหาอำนาจ รวมถึงการผลิตน้ำมันและก๊าซจากชั้นหินดินดาน (Shale Oil -Shale Gas) โดยเฉลี่ยปีนี้น้ำมันดิบดูไบจะอยู่ที่ 50 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากปีที่ผ่านมาเฉลี่ยที่ 80 เหรียญต่อบาร์เรล ดังนั้น ผู้บริโภคในประเทศจะได้รับประโยชน์ในการใช้พลังงานในระดับราคาทีถูกลง
“สนพ.จะเน้นส่งเสริมแก๊สโซฮอล์ E20 โดยยืนยันจะไม่ยกเลิกการจำหน่ายแก๊สโซฮอล์ 91 หรือ 95 ชนิดใดชนิดหนึ่ง แต่จะกำหนดราคาน้ำมัน 2 ชนิดให้ไม่ต่างกันมากเพื่อให้ผู้บริโภคตัดสินใจที่จะเลือกใช้ และในที่สุดการตลาดจะทำให้ผู้ค้าน้ำมันเห็นทางเลือกและยกเลิกจำหน่ายน้ำมันไปเอง” นายทวารัฐกล่าว
นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ รองผู้อำนวยการ สนพ. กล่าวว่า ราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวลงในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้าจะส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันของไทยอยู่ในระดับไม่แพง และมีโอกาสที่ราคาขายปลีกดีเซลอาจจะลดลงได้อีกจากปัจจุบันอยู่ที่ 23.69 บาทต่อลิตร แต่ทั้งนี้จะต้องดูค่าเงินบาทว่าจะอ่อนค่ามากน้อยเพียงใดด้วย อย่างไรก็ตาม ดีเซลที่ลดลงนั้นจะได้ส่งสัญญาณให้กระทรวงคมนาคมซึ่งมีตัวแทนอยู่ในคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่จะประชุมวันที่ 3 ส.ค. ได้พิจารณาถึงต้นทุนค่าขนส่งให้เหมาะสม
แหล่งข่าวจาก บมจ.ปตท.กล่าวยอมรับว่า หากระดับราคาน้ำมันตลาดโลกมีราคาต่ำลงก็มีโอกาสเห็นราคาดีเซลแตะระดับ 23 บาทต่อลิตรได้ในช่วง 1-2 เดือนนี้ แต่ก็คงจะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดในช่วงไตรมาส 4 ที่จะเข้าสู่ฤดูหนาวที่ปกติราคาดีเซลจะสูงขึ้นเพราะความต้องการเพิ่มขึ้น