xs
xsm
sm
md
lg

ผ่าแผนลงทุน 5 ปี ปตท.เพิ่มมั่นคงพลังงาน ผุดคลัง LNG-ท่อก๊าซฯ 5-ลดผูกขาด NGV

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ปตท.เปิดแผนลงทุน 5 ปีเพิ่มความมั่นคงด้านพลังงาน วางแผนผุดแอลเอ็นจี เทอร์มินอล ระยะ 2 เพิ่ม หลังคาด 15 ปีไทยนำเข้าแอลเอ็นจีถึง 50% ของการใช้ก๊าซฯ รวมทั้งเร่งวางท่อฯ เส้นที่ 5 พร้อมลดการผูกขาดธุรกิจ NGV โดยจะยกเลิกขยายปั๊มเพิ่มหลังรัฐลอยตัว ยันเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวเรือใจดีต้องการสร้างมาตรฐานร้านอาหารในปั๊ม



นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แผนการลงทุนใน 5 ปีข้างหน้าของ ปตท.ภายใต้งบลงทุนเกือบ 3 แสนล้านบาท เพื่อรักษาสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน ได้แก่ โครงการขยายท่าเทียบเรือและสถานีรับ-จ่ายแอลเอ็นจี (แอลเอ็นจี เทอร์มินอล) ใหม่เพิ่มเติม จากปัจจุบันอยู่ระหว่างการขยายเพิ่มขึ้นจาก 5 ล้านตันเป็น 10 ล้านตัน /ปี เพื่อรองรับการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ที่เพิ่มมากขึ้นในอนาคต หลังจากก๊าซฯ ในอ่าวไทยและก๊าซฯ จากพม่าลดลง

ปัจจุบันไทยมีการนำเข้าแอลเอ็นจีปีละ 2-3 ล้านตัน คิดเป็นสัดส่วน 4-5% ของปริมาณการใช้ก๊าซฯ คาดการณ์ว่าในอีก 15 ปีข้างหน้าไทยจะนำเข้าแอลเอ็นจีจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 50% ของความต้องการใช้ก๊าซฯ แม้ว่ารัฐจะมีเป้าหมายในการลดสัดส่วนการใช้ก๊าซฯ ในการผลิตไฟฟ้าลงเหลือ 30-40% จากปัจจุบันมีการใช้ก๊าซฯ ถึง 60-70% ก็ตาม แต่ปริมาณการใช้ก๊าซฯ ไม่ได้ลดลงเพียงแต่รักษาระดับไว้

ทั้งนี้ ปตท.มีความพร้อมที่จะลงทุนแอลเอ็นจี เทอร์มินอลระยะที่ 2 เฟส 1 อีก 7.5 ล้านตัน/ปี โดยกระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างการศึกษาว่าจะให้ใครเป็นผู้ลงทุน รวมทั้งมีแผนที่จะสร้างคลังแอลเอ็นจีลอยน้ำ (FSRU) ขนาด 3 ล้านตัน/ปีในภาคใต้ของไทยและพม่า เพื่อทดแทนปริมาณก๊าซฯ ในพม่าที่จะลดลงในอนาคต โดยจะมีความชัดเจนด้านการลงทุนในปี 2559

นอกจากนี้ ปตท.จะลงทุนโครงการวางท่อก๊าซธรรมชาติเส้นที่ 5 เชื่อมจากฝั่งตะวันออกไปฝั่งตะวันตกครบ Loop ทำให้การบริหารจัดการก๊าซฯ มีความแข็งแกร่งขึ้น สามารถนำก๊าซฯ จากฝั่งตะวันออกไปยังโรงไฟฟ้าฝั่งตะวันตกได้หากแหล่งก๊าซฯ ในพม่ามีการปิดซ่อมบำรุงหรือปริมาณการจัดส่งก๊าซฯ ที่ลดลง

ส่วนการจัดหาแอลเอ็นจีก็มีความสำคัญ โดย ปตท.จะอาศัยจังหวะช่วงนี้ที่ปริมาณการผลิตแอลเอ็นจีโลกล้นตลาดทำสัญญาจัดหาแอลเอ็นจีระยะยาวภายใต้สัญญาที่ได้ประโยชน์ต่อประเทศสูงสุด

นายเทวินทร์กล่าวต่อไปว่า ส่วนธุรกิจก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) พบว่าต้นทุน NGV ปรับตัวลดลง แต่ก็ยังสูงกว่าราคาขายปลีกที่ 13.50 บาท/กก. ซึ่งกระทรวงพลังงานมีนโยบายที่จะปรับขึ้นราคาขายปลีก NGV เพื่อสะท้อนต้นทุน ก็จะทำได้ง่ายขึ้นและส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคไม่มาก ซึ่งราคาก๊าซฯ ในช่วงต้น เม.ย. 59 จะปรับลดลงมา คาดว่าต้นทุน NGV จะอยู่ที่ 14.00 บาท/กก. เมื่อรัฐขยับราคาขายปลีกขึ้นมาสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงก็สามารถประกาศลอยตัว NGV ได้ ช่วยลดภาระการอุดหนุนจาก ปตท.และภาครัฐ

หลังจากนั้น ปตท.หยุดการขยายสถานีบริการ NGV ใหม่ทั่วประเทศ คงไว้แต่สถานีที่เปิดไปแล้ว เท่ากับลดบทบาทการผูกขาดธุรกิจ NGV โดยจะให้เอกชนที่สนใจเข้ามาซื้อก๊าซฯ ตามแนวท่อจาก ปตท.แทน

ส่วนธุรกิจไฟฟ้า ภายใต้ บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) ก็มีนโยบายที่จะหันมาทำโรงไฟฟ้าขยะเป็นการสนับสนุนกิจการเพื่อสังคม (Social Enterprise) สำหรับธุรกิจน้ำมันก็มีเป้าหมายที่ชัดเจนในการสนับสนุนให้ชุมชนนำผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชนเข้ามาจำหน่ายในปั๊ม และมีข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหารในรอบๆ พื้นที่ โดยให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม

นายเทวินทร์กล่าวถึงธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (Non-oil) ว่า ตามที่ ปตท.ได้หันไปทำธุรกิจร้านคาเฟ่อเมซอน, ร้านไก่ทอดเท็กซัสชิกเก้น ล่าสุดแตกไลน์เปิดร้านก๋วยเตี๋ยวเรือใจดีในปั๊มน้ำมัน ปตท. ทั้งที่ภายใต้ปั๊ม ปตท.ก็มีร้านอาหารอยู่แล้ว เพื่อต้องการพัฒนาธุรกิจ Non-oil ในปั๊มให้มีมาตรฐานเดียวกัน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เข้าไปแย่งธุรกิจ แต่จะให้รายย่อยที่ทำอยู่แล้วเข้าไปเป็นเจ้าของธุรกิจดังกล่าวที่ได้มาตรฐาน

ธุรกิจการกลั่นและปิโตรเคมี จะมุ่งเน้นการสร้าง Synergy ระหว่างกลุ่มบริษัทในเครือฯ เพื่อสร้างความเข้มแข็ง รวมทั้งมองการลงทุนในสายโพรพิลีน และแสวงหาโอกาสการลงทุนในต่างประเทศ ส่วนพลาสติกชีวภาพก็ให้ความสนใจที่จะพัฒนาและสร้างความเข้มแข็ง

ด้านธุรกิจเหมืองถ่านหินอยู่ระหว่างการประเมินว่าจะดำเนินธุรกิจต่อไปหรือไม่ โดยจะรักษาระดับการผลิตไม่ขยายเพิ่มหลังราคาถ่านหินตกต่ำ หากมีผู้สนใจเสนอราคาดีก็พร้อมที่จะขาย
กำลังโหลดความคิดเห็น