“พาณิชย์” เตรียมออกประกาศกำหนดมาตรฐานข้าวหอมมะลิไทยเหลือเพียงมาตรฐานเดียวที่ 92% หวังลดความสับสนของตลาด หลังเดิมมีหลายมาตรฐาน เผยหากใครทำได้ดีกว่านี้ก็ใช้โปรโมตได้ ระบุจะมีการกำหนดมาตรฐานข้าวชนิดอื่นเพิ่มเติมด้วย
นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ อยู่ระหว่างการปรับปรุงมาตรฐานข้าวหอมมะลิไทย โดยจะกำหนดมาตรฐานให้เหลือเพียงมาตรฐานเดียว คือ มาตรฐาน 92% หรือให้มีข้าวพันธุ์อื่นปนได้ไม่เกิน 8% เพื่อป้องกันไม่ให้ตลาดเกิดความสับสน จากก่อนหน้านี้ที่มีหลายมาตรฐานซึ่งทำให้ยากต่อการทำตลาด และบางมาตรฐานการไม่สามารถทำได้จริงในทางปฏิบัติ โดยจะมีการออกประกาศกระทรวงพาณิชย์เพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป
“การกำหนดมาตรฐานข้าวหอมมะลิไทยเหลือเพียงมาตรฐานเดียว ไม่ได้เป็นการลดคุณภาพของข้าวหอมมะลิลงมา แต่เป็นการทำให้เกิดความเข้าใจตรงกัน และไม่ให้ตลาดต่างประเทศเกิดความสับสน ซึ่งข้าวหอมมะลิที่มีความบริสุทธิ์เกิน 92% จะถือเป็นข้าวหอมมะลิที่ผู้ประกอบการสามารถใช้เป็นข้าวพิเศษที่จะนำไปทำแผนการตลาดเพิ่มเติมได้ ส่วนข้าวหอมมะลิที่มีความบริสุทธิ์ ต่ำกว่า 92% ห้ามเรียกว่าเป็นข้าวหอมมะลิเด็ดขาด”
ทั้งนี้ มาตรฐานข้าวหอมมะลิไทยเดิม กระทรวงพาณิชย์ได้ออกประกาศกำหนดให้ข้าวหอมมะลิไทยเป็นสินค้ามาตรฐานและมาตรฐานสินค้าข้าวหอมมะลิไทย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2556 โดยแบ่งข้าวหอมมะลิไทยเพื่อการส่งออก เป็น 2 ชั้น คือ ข้าวหอมมะลิไทยชนิดพิเศษ ต้องมีข้าวหอมมะลิไทยไม่น้อยกว่า 98% โดยปริมาณ ส่วนอีกไม่เกิน 2% ผสมข้าวชนิดอื่นได้ และข้าวหอมมะลิไทย 92% โดยปริมาณ ส่วนอีกไม่เกิน 8% ผสมข้าวชนิดอื่นได้
นางดวงพรกล่าวว่า กรมฯ กำลังพิจารณากำหนดมาตรฐานข้าวชนิดอื่นเพิ่มเติมอีก ได้แก่ ข้าวไรซ์เบอร์รี ข้าวหอมจังหวัด ข้าวหอมนิล ซึ่งจะเป็นการช่วยเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคที่มีความต้องการปริโภคข้าวคุณภาพสูง และแตกต่างจากข้าวแบบเดิมๆ โดยมาตรฐานข้าวทางเลือกอาจเป็นรูปแบบการแนะนำให้ตลาดรับรู้คุณสมบัติมากกว่าจะกำหนดเป็นมาตรฐานบังคับเหมือนมาตรฐานข้าวหอมมะลิ
ส่วนแผนการขยายตลาดข้าวคุณภาพสูง ในปีหน้ากรมฯ จะเพิ่มช่องทางการขยายตลาดไปยังประเทศที่มีกำลังซื้อสูงมากขึ้น เช่น ญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ เพื่อเป็นการช่วยเพิ่มมูลค่าการส่งออกข้าวไทยอย่างยั่งยืน
สำหรับการส่งออกข้าวหอมมะลิไทย ปี 2557 มีปริมาณ 1.336 ล้านตัน มูลค่า 44,975 ล้านบาท ส่วน ม.ค.-ต.ค. 2558 ส่งออกได้ปริมาณ 1.063 ล้านตัน มูลค่า 34,816 ล้านบาท