รฟม.ทบทวนทีโออาร์สายสีส้ม ใช้วัสดุใน ปท.เน้นมาตรฐานปลอดภัยสูงสุด

รฟม.รับนโยบาย “นายกฯ” ทบทวนรายละเอียดทีโออาร์ รถไฟฟ้าสายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) เพิ่มเงื่อนไขใช้วัสดุในประเทศมากที่สุด แต่ต้องได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย พรัอมตั้งกรรมการกำหนดราคากลาง แบ่งประมูล 6 สัญญา เผย “คมนาคม” มอบ สนข.เร่งหาข้อยุติแนวเส้นทางช่วงตลิ่งชันกรณีซ้อนกับรถไฟสีแดง

นายพีระยุทธ สิงห์พัฒนากุล ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ส่วนตะวันออก (ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) วงเงิน 95,108 ล้านบาท ว่า ขณะนี้ รฟม.อยู่ระหว่างจัดเตรียมเอกสารประกวดราคา ซึ่งจะมีการทบทวนรายละเอียดเงื่อนไขในส่วนของข้อกำหนดการใช้วัสดุก่อสร้างที่ผลิตภายในประเทศ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของนายกรัฐมนตรี ซึ่งเงื่อนไขในทีโออาร์การประมูลก่อสร้างโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าที่ผ่านมานั้น รฟม.กำหนดให้ผู้รับจ้างใช้วัสดุที่ผลิตในประเทศก่อนเป็นอันดับแรกอยู่แล้ว

ทั้งนี้ ต้องชี้แจงว่าการก่อสร้างรถไฟฟ้านั้นถือเป็นระบบขนส่งมวลชนที่ต้องการความเชื่อใจ ต้องมีประสิทธิภาพสูง ดังนั้น การออกแบบ การใช้วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ จะต้องเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย เช่น สายไฟต่างๆ จะต้องทนความร้อน ไร้ควัน จึงต้องใช้วัสดุที่ผ่านการทดสอบมาตรฐาน และได้รับการรับรองคุณภาพ ซึ่งสายไฟที่ผลิตในประเทศใช้ได้ แต่จะต้องผ่านเกณฑ์มาตรฐานและได้รับการรับรองด้วย

นานพีระยุทธกล่าวว่า ขณะนี้ รฟม.ได้ตั้งคณะกรรมการกำหนดราคากลางแล้ว โดยมีผู้แทนจากกรมโยธาธิการ กรมทางหลวงชนบท และวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) เข้าร่วมเป็นกรรมการกำหนดราคากลางด้วย ซึ่งตามระเบียบจะประกาศราคากลางก่อนประกวดราคา 30 วัน โดยเบื้องต้นรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี ระยะทาง 21.2 กม. (ทางยกระดับ 9 กม. ใต้ดิน 12.2 กม.) แบ่งงานก่อสร้างออกเป็น 6 สัญญา โดยเป็นงานก่อสร้างโครงสร้าง 4 สัญญา งานวางราง 1 สัญญา งานศูนย์ซ่อมบำรุง 1 สัญญา พร้อมกันนี้ จะเร่งรัดเพื่อเปิดประกวดราคาภายในเดือน เม.ย.-พ.ค. 2559

“รฟม.มีประสบการ์ในการก่อสร้างรถไฟฟ้ามาหลายสายแล้ว เชื่อว่าจะไม่มีปัญหา ส่วนการคัดเลือกผู้รับเหมานั้นจะเน้นผู้ที่มีประสบการณ์มีความสามารถในการบริหารจัดการงานก่อสร้างขนาดใหญ่ ดังนั้น ผู้รับเหมารายเล็กอาจจะไม่สามารถร่วมประมูลโดยตรงได้ แต่สามารถเข้าร่วมเป็นจอยต์เวนเจอร์กับรายใหญ่หรือบริษัทต่างชาติเข้ามาได้ โดย รฟม.จะกำกับดูแลการทำงานอย่างใกล้ชิด โดยที่ผ่านมายอมรับว่ามีผู้รับเหมารายย่อยที่เข้ารับจ้างช่วงต่อจากผู้รับเหมารายใหญ่ร้องเรียนว่าไม่ได้รับค่าจ้างตามสัญญานั้น จะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงของทั้งสองฝ่ายเพื่อให้ความเป็นธรรม โดย รฟม.ยืนยันให้ความสำคัญต่อผู้รับเหมารายเล็กในการเข้าร่วมตามนโยบายเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการรายเล็กของไทย”

ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ส่วนตะวันตก (ตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรมฯ) ระยะทาง16.4 กม. วงเงินลงทุน 85,316.04 ล้านบาทนั้น อยู่ระหว่างการออกแบบ ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) พิจารณาเพื่อสรุปกรณีแนวสายทางช่วงตลิ่งชัน ซึ่งรถไฟฟ้าสายสีส้มมีแนวเส้นทางทับซ้อนกับรถไฟสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน-ศาลายา ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ระหว่างบางขุนนนท์-ตลิ่งชัน โดยขณะนี้มี 3 ทางเลือก คือ 1. ก่อสร้างเส้นทางสายสีส้มจนถึงตลิ่งชัน 2. ตัดเส้นทางสิ้นสุดแค่บางขุนนท์ เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน 3. สร้างสายสีส้มถึงตลิ่งชัน คู่ขนานไปกับสายสีแดง โดยเห็นว่าสายสีส้มเป็นรถไฟฟ้าใต้ดิน และขนส่งมวลชนเข้าเมือง ส่วนรถไฟสายสีแดงเป็นรถไฟชานเมือง มีความแตกต่างกัน

อย่างไรก็ตาม สนข.จะต้องเร่งหาข้อยุติกรณีนี้ให้ชัดเจนก่อนที่ รฟม.จะสรุปผลการออกแบบและเสนอ ครม.ขออนุมัติโครงการในไตรมาส 2 ปี 2559 ซึ่งแนวเส้นทางที่ชัดเจนจะทำให้สรุปการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ได้ด้วย