บ้านปูตั้งเป้าปีหน้าผลิตและจำหน่ายถ่านหินใกล้เคียงปีนี้ 42 ล้านตัน คาดราคาถ่านหินปีหน้าขยับสูงขึ้นจากปีนี้ที่ 58 เหรียญสหรัฐ/ตัน เผยแสวงหาโอกาสลงทุนโรงไฟฟ้าในลาวและพม่า และวางเป้าปี 63 ลุยโซลาร์ฟาร์มที่ญี่ปุ่นเพิ่มเป็น 200 เมกะวัตต์ จากปัจจุบัน 87 เมกะวัตต์ ส่วนโรงไฟฟ้าหงสา หน่วย 3 ผลิตเชิงพาณิชย์ มี.ค. 59
นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีหน้าบริษัทตั้งเป้าผลิตและจำหน่ายถ่านหินใกล้เคียงปีนี้ที่ 42 ล้านตัน/ปี โดยราคาขายถ่านหินน่าจะสูงกว่าปีนี้ที่เฉลี่ยตันละ 58 เหรียญสหรัฐ โดยสำหรับแผนลงโครงการโซลาร์ฟาร์มประเทศญี่ปุ่น ภายในปี 2563 ตั้งเป้าว่าจะมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 200 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันอยู่ที่ 87 เมกะวัตต์ ซึ่งตามแผนการลงทุนบริษัทจะถือหุ้นประมาณ 40-75%
สำหรับความพร้อมด้านเงินลงทุน ปัจจุบันมีกระแสเงินสดอยู่ในมือเป็นจำนวนมาก โดยที่ผ่านมาได้มีการออกหุ้นกู้สกุลบาทมูลค่า 4,000 ล้านบาท และมีแผนจะออกหุ้นกู้สกุลบาทเพิ่มขึ้น ทำให้อัตราดอกเบี้ยคงที่ในระยะยาวคิดเป็น 70% ของเงินกู้ทั้งหมด ดังนั้น แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นในอนาคตจะไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างทางการเงินบ้านปู
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีอัตราหนี้สินต่อทุน (ดี/อี) อยู่ที่ 1.09 เท่า ซึ่งตามเพดานจะกู้ได้ที่ 1.75 เท่า แต่บริษัทฯ มีนโยบายจะกู้ไม่เกิน 1.2 เท่า หรือวงเงินประมาณ 1,000-1,500 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยในส่วนของการนำบริษัทลูก บ้านปูเพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ คาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นได้ในไตรมาส 2/59 แม้ภาวะตลาดหุ้นในปัจจุบันจะไม่ดีก็ตาม
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังแสวงหาโอกาสที่จะลงทุนโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซฯ เป็นเชื้อเพลิงและโรงไฟฟ้าถ่านหินในประเทศพม่า ขนาดกำลังผลิต 200-1000 เมกะวัตต์ แต่ทั้งนี้คงต้องรอดูนโยบายจากรัฐบาลใหม่ของพม่า รวมทั้งยังหาโอกาสลงทุนโรงไฟฟ้าพลังน้ำใน สปป.ลาวด้วย ซึ่งจะเป็นโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดไม่ใหญ่มาก
นายบุญชัย จรัญวรพรรณ ประธานการก่อสร้าง บริษัท ไฟฟ้าหงสา จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงประมาณมีนาคม 2559 โรงไฟฟ้าหงสาจะมีการจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ครบทั้งหมด 1,878 เมกะวัตต์ ซึ่งในปีนี้ยอมรับว่ารายได้และกำไรสุทธิจะต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ เนื่องจากช่วง COD เฟส 1 กำลังการผลิต 626 เมกะวัตต์มีปัญหาเรื่องระบบท่อ ซึ่งปัจจุบันได้รับการแก้ไขและเหตุการณ์ดังกล่าวอยู่ในการประเมินไว้ตั้งแต่เบื้องต้น
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทมีการสำรองถ่านหินไว้ที่ 577 ล้านตัน และคาดว่าจะใช้ประมาณ 370 ล้านตันในช่วงอายุสัมปทาน 25 ปีที่ได้รับจากรัฐบาลลาว ที่เหลือประมาณ 200 ล้านตันมีแผนศึกษาที่จะขยายโรงไฟฟ้า แต่ต้องได้รับสัมปทานเพิ่มเติมจากปัจจุบันก่อน อีกทั้งราคารับซื้อไฟฟ้าต้องดีกว่าสัญญาปัจจุบันอายุ 25 ปี
วันนี้ (9 ธ.ค.) ได้มีพิธีเปิดโรงไฟฟ้าพลังความร้อนหงสาอย่างเป็นทางการ ณ เมืองหงสา แขวงไชยะบุรี สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) โครงการนี้เป็นความร่วมมือเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานระหว่างประเทศไทยกับ สปป.ลาว และสะท้อนถึงมิตรภาพและสัมพันธไมตรีที่แน่นแฟ้นยาวนาน โดยมี พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ร่วมเป็นสักขีพยาน นายบุนยัง วอละจิด รองประธาน สปป.ลาว เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยท่านสมสะหวาด เล่งสะหวัด รองนายกรัฐมนตรี ท่านคำมะนี อินทิลาด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและบ่อแร่ ท่านพงสะหวัน สิดทะวง เจ้าแขวงไชยะบุรี รวมทั้งผู้บริหารระดับสูงของ สปป.ลาว และประเทศไทย
พลเอก อนันตพรกล่าวว่า ในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าประเทศไทยปี 2558-2579 (PDP 2015) ในช่วง 10 ปีแรกระหว่างปี 2558-2569 ได้บรรจุแผนการรับซื้อไฟฟ้าจาก สปป.ลาว รวม 3,316 เมกะวัตต์ โดยปัจจุบันมี 4 โครงการที่ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Power Purchase Agreement - PPA) และอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ประกอบด้วย โครงการโรงไฟฟ้าหงสา โครงการพลังน้ำเซเปียนเซน้ำน้อย 354
เมกะวัตต์ โครงการน้ำเงี้ยบ 1 จำนวน 269 เมกะวัตต์ และโครงการไชยะบุรี 1,220 เมกะวัตต์ ซึ่งโครงการที่กล่าวมาทั้งหมดนี้จะจ่ายกระแสไฟฟ้าเข้าระบบได้ครบในปี 2562
นอกจากนี้ ตามแผน PDP 2015 ในช่วงปี 2569-2579 ไทยยังมีแผนที่จะรับซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศเพิ่มอีก 7,700 เมกะวัตต์ เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงานให้แก่ประเทศไทย
โรงไฟฟ้าหงสามีหน่วยผลิต 3 ยูนิต คิดเป็นกำลังผลิตรวม 1,878 เมกะวัตต์ โดยขายไฟเข้าไทย 1,473 เมกะวัตต์ และขายให้ลาว 100 เมกะวัตต์ โดยโรงไฟฟ้าดังกล่าวมีบริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นฝ่ายละ 40% ร่วมกับรัฐวิสาหกิจถือหุ้นลาว ถือหุ้นอีก 20%