“พาณิชย์” รับลูกนายกฯ ผนึกกำลังรัฐ และเอกชนสร้างความเข้มแข็งให้ SMEs เปิดโปรเจกต์นำร่อง ประสานผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ช่วยคัดสุดยอด SMEs เผยล่าสุด ได้ 230 ราย เตรียมนำฝึกอบรมเข้มก่อนพาขยายตลาดทั้งใน และต่างประเทศ พร้อมใช้ช่องทางอี คอมเมิร์ซขยายตลาดให้อีกทาง
น.ส.ผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมมือกับกระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย จัดทำแผนบูรณาการสร้างความเข้มแข็งแก่ผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยล่าสุดได้ขอความร่วมมือจากผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศช่วยเฟ้นหาสุดยอด SMEs ในแต่ละจังหวัด เพื่อนำมาพัฒนาศักยภาพทุกๆ ด้าน และส่งเสริมด้านการตลาด ก่อนพาออกไปโรดโชว์ขยายตลาดต่างประเทศ
“การเฟ้นหาสุดยอด SMEs จังหวัด เป็นโครงการนำร่องในการส่งเสริม SMEs ของภาครัฐ โดยขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศคัดเลือกผู้ประกอบการ SMEs ที่เป็นที่สุดในแต่ละจังหวัด โดยแบ่งตามศักยภาพของธุรกิจ 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มเริ่มต้น หรือ Start up ทำธุรกิจมาแล้ว 0-3 ปี กลุ่มที่มีศักยภาพ หรือ Rising Star และกลุ่มที่อยู่ในช่วงปรับตัว หรือ Turn Around ซึ่งได้มีคัดเลือกและผ่านการพิจารณาที่จะนำมาเข้าโครงการ จำนวน 230 ราย เป็นภาคการผลิต 150 ราย การค้าและบริการ 41 ราย เกษตรอุตสาหกรรม 39 ราย โดยในจำนวนนี้พบว่า มีความพร้อมที่จะเข้าสู่ตลาดต่างประเทศได้ทันที 99 ราย” น.ส.ผ่องพรรณ กล่าว
น.ส.ผ่องพรรณ กล่าวว่า แนวทางการพัฒนา SMEs ทั้ง 230 รายนั้น กรมฯ ได้แบ่งพื้นที่การเข้าพัฒนาศักยภาพแบบเข้มข้นออกเป็นพื้นที่ 18 กลุ่มจังหวัด เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ SMEs ที่ผ่านการคัดเลือก โดยจะส่งเจ้าหน้าที่พร้อมทีมงานเข้าพื้นที่ของผู้ประกอบการเพื่อดำเนินการพัฒนาศักยภาพตามแผนงานที่ได้กำหนดไว้ พร้อมทั้งประสานความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาทั่วประเทศให้เข้ามาเป็นเครือข่าย และเป็นพี่เลี้ยงให้คำปรึกษาแนะนำแก่ผู้ประกอบการเพื่อให้เกิดการต่อเนื่อง รวมถึงการช่วยแก้ไขปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด และรวดเร็ว ติดตามประเมินผลที่ได้รับ
ทั้งนี้ กรมฯ จะทำการตรวจเช็ก และตรวจสอบสถานะของธุรกิจเป็นระยะ และผลักดันให้มีการสร้างเครือข่ายธุรกิจระหว่างกัน เพื่อให้ผู้ประกอบการเกิดการแลกเปลี่ยน ร่วมมือ และนำไปสู่การร่วมธุรกิจสร้างผลิตภัณฑ์ หรือธุรกิจใหม่ ซึ่งจะส่งผลให้ทั้งผู้ประกอบการ และธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคง และตอบสนองผู้บริโภคได้อย่างสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
ส่วนการดำเนินการขั้นต่อไป กรมฯ จะร่วมมือกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในการเจรจาจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) ในตลาดทุกระดับ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศที่สอดคล้องต่อศักยภาพของ SMEs แต่ละราย รวมทั้งจะใช้หลักการขยายตลาดแบบคู่ขนาน คือ ใช้ช่องทางอี คอมเมิร์ซ ในการขยายตลาดกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์ในการจับจ่ายใช้สอยซื้อสินค้าผ่านระบบอินเทอร์เน็ต และสมาร์ทโฟน ซึ่งอี คอมเมิร์ซเป็นช่องทางการขยายตลาดได้ดี ทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดในประเทศที่ได้รับอานิสงส์จากการประมูลคลื่นความถี่ 1800 เมกะเฮิรตซ์ ในการให้บริการ 4 จี ของผู้ประกอบการโทรคมนาคม ยิ่งจะช่วยผลักดันให้อี คอมเมิร์ซขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัวในอนาคต
สำหรับแผนการพัฒนาศักยภาพ SMEs จะดำเนินการ โดย 1.การวิเคราะห์ตัวตนของผู้ประกอบการ ธุรกิจ โดยวิเคราะห์โครงสร้างอุตสาหกรรม และการตรวจเช็กศักยภาพตำแหน่งปัจจุบันของ SMEs 2.การกำหนด และการสร้างโอกาสเข้าถึงกลุ่มลูกค้า เพื่อให้เข้าใจพฤติกรรมลูกค้า การสร้างเครื่องมือทางการตลาดใหม่ๆ 3.การสื่อสาร และสร้างกลยุทธ์การตลาด เพื่อให้เข้าใจพฤติกรรมตลาด มองหาลูกค้ากลุ่มเดิมเสริมลูกค้ากลุ่มใหม่ การวิเคราะห์คุณค่าเปรียบเทียบตลาดต่อการตอบสนองความต้องการของลูกค้า การพัฒนาผลิตภัณฑ์ทั้งตัวสินค้าและบรรจุภัณฑ์ วิเคราะห์เปรียบเทียบผลตอบแทนในแต่ละช่องทางการขายโดยคำนึงถึงต้นทุน และผลลัพธ์ที่ได้ และ 4.ส่งเสริมการขายและขยายตลาด โดยฝึกฝนทักษะในเรื่องคู่ค้า เทคนิคการนำเสนอ และการเจรจาต่อรองธุรกิจ