“อภิรดี” เผยผลประชุมเอเปก ไทยดันสมาชิกให้ความสำคัญต่อการช่วยเหลือ SMEs เข้าสู่ตลาดโลก พร้อมรับเป็นเจ้าภาพจัดประชุมแก้ไขปัญหาอุปสรรคในการส่งออกสินค้าเกษตร หวังดันไทยเป็นครัวของโลกอย่างแข็งแกร่งต่อไป ระบุเอเปกยังตกลงเรื่องเปิดเสรีภาคบริการ คาดบริการไทยมีโอกาสเพียบ ส่วนค้าเสรีเอเปกปีหน้าเห็นทิศทางชัดเจน
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการประชุมรัฐมนตรีเอเปก ครั้งที่ 27 ที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ว่าไทยได้เสนอแผนการผลักดันวิสาหกิจรายย่อย ขนาดย่อมและขนาดกลาง (MSMEs) ตามแผนงานโบราไคย์ (Boracay Action Agenda) ที่เสนอโดยฟิลิปปินส์ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยจะผลักดันให้ SMEs เข้าถึงข้อมูลการค้า แหล่งเงินทุน เทคโนโลยี และเห็นว่าการสนับสนุน SMEs ให้ใช้โอกาสของการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-commerce) ในการทำธุรกิจมีความจำเป็นมากในโลกปัจจุบัน
ทั้งนี้ ไทยยังได้เสนอผลการศึกษาเรื่องการนำ SMEs ในสาขาเกษตรเข้าสู่ห่วงโซ่การผลิตอาหารของโลก ซึ่งได้แจ้งสมาชิกเอเปกไปว่าไทยกำลังเร่งศึกษามาตรการที่มิใช่ภาษีและสภาพแวดล้อมการทำธุรกิจภายในประเทศสมาชิกเอเปกที่เป็นอุปสรรคต่อการเข้าตลาดระหว่างประเทศของ SMEs รวมถึงเกษตรกร โดยไทยจะจัดทำการสัมมนา เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลดังกล่าว และจัดทำแนวทางแก้ไขอุปสรรคเหล่านั้นร่วมกับสมาชิกเอเปก พร้อมทั้งสร้างเครือข่ายภายในอุตสาหกรรมดังกล่าวสำหรับนำไปสู่การขยายโอกาสทางการค้าของ SMEs ไทยในสาขาเกษตร และดำรงให้ไทยเป็นครัวของโลกที่แข็งแกร่งต่อไป
นางอภิรดีกล่าวว่า การประชุมเอเปกปีนี้ฟิลิปปินส์ได้ผลักดันเรื่องการค้าบริการ เนื่องจากการค้าบริการเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในโลกยุคใหม่ รวมทั้งจะก่อให้เกิดการจ้างงานมากขึ้น และยังเป็นโอกาสแก่ SMEs ในการให้บริการลูกค้าผ่านทางพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเอเปกจะมีการกำหนดยุทธศาสตร์ด้านการลดข้อจำกัดการค้าและการลงทุนภาคบริการ เพื่อกระตุ้นให้สมาชิกเอเปกมีการเปิดตลาดการค้าบริการเพิ่มมากขึ้น
“การดำเนินงานของเอเปกจะเป็นโอกาสอันดีในการผลักดันสาขาบริการที่ไทยมีศักยภาพในการส่งออก เช่น ท่องเที่ยว แฟรนไชส์ ค้าปลีกค้าส่ง ร้านอาหาร บริการด้านสุขภาพ และธุรกิจภาพยนตร์ และในการพัฒนาสาขาบริการที่จะเป็นฐานรายได้ใหม่ๆ ของประเทศ เช่น คมนาคมขนส่งและสื่อสาร บริการด้านลอจิสติกส์ สาธารณสุข และบริการการเงิน”
นางอภิรดีกล่าวว่า สำหรับการหารือถึงการจัดทำเขตการค้าเสรีของเอเชีย-แปซิฟิก หรือเอฟแทป (FTAAP) ที่เอเปกได้เริ่มการหารือมาตั้งแต่ปี 2550 จนถึงปัจจุบัน สมาชิกเอเปกได้ตกลงที่จะร่วมกันจัดทำการศึกษาผลกระทบของการจัดทำ FTAAP โดยจะสามารถนำเสนอผลการศึกษาได้ภายในปีหน้า ซึ่งคาดว่า จะมีข้อเสนอแนะเพื่อนำไปสู่การเจรจา FTAAP โดยเร็ว
“เอเปก” หรือความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2532 ประกอบด้วย 21 เขตเศรษฐกิจ คือ ออสเตรเลีย บรูไน แคนาดา ชิลี จีน ฮ่องกง อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย เม็กซิโก นิวซีแลนด์ ปาปัวนิวกินี เปรู ฟิลิปปินส์ รัสเซีย สิงคโปร์ จีนไทเป สหรัฐฯ เวียดนาม รวมทั้งไทย โดยเอเปกมีประชากรรวมกันประมาณ 2,700 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 45% ของประชากรโลก และสมาชิกเอเปกมีการค้ารวมกันมากกว่า 25,000 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 46% ของการค้าโลก และ 57% ของ GDP โลก ทั้งนี้ ในส่วนการค้าระหว่างไทยและประเทศสมาชิกเอเปกมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 70 ของมูลค่าการค้าไทยกับโลก