ทอท.คาดปี 59 ผู้โดยสาร 6 สนามบินโตอีก 20% ดันรายได้โตตาม เผยปัจจัยหนุน เปิดอาคาร 2 สนามบินดอนเมือง ธ.ค.นี้ ดันรายได้เชิงพาณิชย์แตะ 2,500 ล้านบาท ขณะที่เริ่มใช้ระบบ APPS ธ.ค. 58 ได้ส่วนแบ่งค่าบริการ 10% ขณะที่ Lowcost ยังโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน และไต้หวัน
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท. ที่มีนายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร เป็นประธานวันนี้ (18 พ.ย.) ว่า ที่ประชุมได้รับทราบความคืบหน้าการปรับปรุงอาคารผู้โดยสารอาคาร 2 ท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่งก้าวหน้า 91.55% ตามแผนจะเปิดให้บริการได้ภายในเดือน ธ.ค. 2558 โดยอาคาร 2 จะเพิ่มขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารจาก 18 ล้านคน/ปี เป็น 30 ล้านคน/ปี โดยปัจจุบันดอนเมืองมีผู้โดยสารเฉลี่ยวันละ 90,000-93,000 คน มีเที่ยวบินเฉลี่ยวันละ 650 เที่ยวบิน โดยมีพื้นที่เชิงพาณิชย์เพิ่มกว่า 13,000 ตร.ม. คาดว่าจะมีรายได้จากพื้นที่เชิงพาณิชย์จากปีละ 1,300 ล้านบาท/ปี เป็น 2,500 ล้านบาท/ปี
ทั้งนี้ อาคาร 2 จะให้บริการผู้โดยสารภายในประเทศสัดส่วน 70% มีเคาน์เตอร์ตรวจบัตรโดยสารจำนวน 70 เคาน์เตอร์ พร้อมติดตั้งเครื่องตรวจกระเป๋าแบบสัมภาระแบบ Explosive Detection System (EDS) เป็นเครื่องตรวจจับระเบิดแบบอัตโนมัติติดตั้งบริเวณห้องตรวจ กระเป๋าสัมภาระท้าย Check-in Row จำนวน 6 เครื่อง และเครื่อง Walk Through Metal Detector และเครื่อง X-ray สัมภาระติดตั้งบริเวณจุดตรวจค้น ชั้น 3 ส่วนผู้โดยสารขาออกอีกจำนวน 11 เครื่อง แต่จะไม่มีเครื่อง X-ray อยู่หน้าประตู ทางเข้าอาคารผู้โดยสารดังเช่นในปัจจุบัน แต่หากเป็นรูปแบบใกล้เคียงกับระบบของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มความรวดเร็วและสะดวกสบายให้ผู้โดยสารภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล
โดยได้มีการจัดทำแผนเตรียมความพร้อมการปฏิบัติงาน และโยกย้ายการปฏิบัติงานบางส่วนไปยังอาคารผู้โดยสารอาคาร 2 ตลอดเดือน พ.ย. 2558 ซึ่งมี 4 สายการบิน ได้แก่ สายการบินไทยแอร์เอเชีย สายการบินนกแอร์ สายการบินไทยไลอ้อนแอร์ และสายการบินไทยสมายล์ ซึ่งจะมีการสร้างความคุ้นเคย (Familiarization Programme) ร่วมกับส่วนงานราชการที่เกี่ยวข้องและสายการบินเป็นประจำทุกสัปดาห์ตลอดเดือนพฤศจิกายน 2558 เพื่อให้การปฏิบัติงานของส่วนงานต่างๆ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทั้งนี้ เนื้องานอาจยังเหลือการตกแต่งร้านค้าของผู้ประกอบการ ซึ่งทางฝ่ายบริหารจะประเมินสถานการณ์ความพร้อมและนำเสนอคณะกรรมการ ทอท.อีกครั้งในการประชุมวันที่ 2 ธ.ค. 2558
ส่วนการปรับปรุงท่าอากาศยานภูเก็ตคาดจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ในเดือน พ.ค.-มิ.ย. 59 โดยมีพื้นที่เชิงพาณิชย์เพิ่มอีก 6,600 ตร.ม. จากเดิมมีพื้นที่อยู่กว่า 1,000 ตร.ม.
นายนิตินัยกล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 2558 จะเริ่มให้บริการระบบตรวจสอบและคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า (APPS) สำหรับผู้โดยสารระหว่างประเทศ ซึ่ง AOT จะได้ส่วนแบ่งรายได้ 10% ประมาณ 3.50 บาทต่อผู้โดยสารระหว่างประเทศ โดยปี 2558 มีผู้โดยสารระหว่างประเทศรวมทุกท่าอากาศยานที่ 61.3 ล้านคน และคาดว่าปี 2559 จะเพิ่มขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 20% ทั้งนี้ ประมาณการผลการดำเนินงานในปี 2559 (ต.ค. 58- ก.ย. 59) คาดว่าจำนวนผู้โดยสารจากท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% หรือเพิ่มไม่ต่ำกว่า 20 ล้านคน จากปีก่อนที่มีจำนวนผู้โดยสารรวม 106 ล้านคน โดยเป็นผู้โดยสารต่างประเทศ 60% ผู้โดยสารในประเทศ 40% ซึ่งมาจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของผู้โดยสารของ Inter low cost จากจีน, เกาหลี
สำหรับโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเฟส 2 นั้น จะเริ่มประกาศร่างเงื่อนไขการประกวดราคา (TOR) งานก่อสร้าง 2 สัญญาแรก คือ งานก่อสร้างโครงสร้างใต้ดิน และงานเกี่ยวกับสาธารณูปโภคจะประกาศ TOR ได้ในเดือน ธ.ค. 58 นี้ โดยระหว่างนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ส่วนอีก 4 สัญญาที่เหลือ ได้แก่ งานส่วนต่อเชื่อมอุโมงค์ด้านทิศใต้ และระบบขนส่งผู้โดยสาร (APM) และงานออกแบบและก่อสร้างส่วนขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันออก รองรับผู้โดยสารระหว่างประเทศได้เพิ่มอีก 15 ล้านคน/ปีนั้น ได้แยกงานสายพานลำเลียงและจัดหาเครื่องตรวจวัตถุระเบิดออก เนื่องจากต้องการเจรจากับซัปพลายเออร์โดยตรง ซึ่งจะต้องรวมค่าซ่อมบำรุงรักษาอยู่ด้วย ทำให้การประมูลล่าช้าออกไปเพราะต้องกลับไปให้สำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พิจารณาก่อน จึงจะเสนอต่อที่กระทรวงคมนาคมและเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป อย่างไรก็ตาม คาดว่าทั้ง 4 สัญญาจะเปิดประมูลได้ในไตรมาสแรกปี 59 และได้ผู้รับเหมาก่อสร้างหลังเปิด TOR ประมาณ 4 เดือน และยังคงเป้าหมายเปิดใช้บริการเฟส 2 ในปี 62
