“กรมทรัพย์สินทางปัญญา” เดินหน้าปั้นสินค้าเอกลักษณ์ชุมชน (จีไอ) เตรียมใส่สตอรีให้แก่สินค้าที่ขึ้นทะเบียนแล้ว 63 รายการ โชว์แสดงที่มาที่ไปตั้งแต่เพาะปลูก การผลิต จนถึงมือผู้บริโภค เพิ่มมูลค่าให้แก่สินค้า ปิ๊งไอเดียขอความร่วมมือหน่วยงานรัฐใช้สินค้าจีไอมอบเป็นของที่ระลึก พร้อมลุยส่งเสริมขึ้นทะเบียนอีก 8 จังหวัดในปี 59 มั่นใจปี 60 ทุกจังหวัดมีสินค้าจีไอ
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า กรมฯ ได้จัดทำแผนส่งเสริมและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเอกลักษณ์ชุมชน (จีไอ) หรือชื่อเดิมเรียกว่าสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ โดยปัจจุบันมีสินค้าที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสินค้าจีไอแล้วจำนวน 63 สินค้า ซึ่งจะมีการผลักดันและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าเหล่านี้ โดยใส่เรื่องราว (สตอรี) ให้สินค้าว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร ตั้งแต่การเพาะปลูก การผลิต ไปจนถึงมือผู้บริโภค เพื่อแสดงให้เห็นว่าสินค้าจีไอดียังไง ทำให้มีผลต่อการซื้อของผู้บริโภค และช่วยให้ผู้ผลิตสินค้าจีไอมีรายได้เพิ่มมากขึ้น
“กรมฯ กำลังสร้างสตอรีให้แก่สินค้าจีไอที่ได้รับการขึ้นทะเบียนแล้ว ต้องทำให้ผู้บริโภครู้ที่มาที่ไปว่าเป็นสินค้าที่ดีอย่างไร เด่นอย่างไร ซึ่งกำลังจะผลักดันให้มีการนำระบบบาร์โค้ดมาใช้ที่ตัวสินค้า ใช้มือถือสแกนดูก็จะรู้เรื่องราวเกี่ยวกับสินค้าตัวนั้นๆ ได้เลย เมื่อทำได้เช่นนี้คนก็จะรู้ว่าสินค้าจีไอเป็นของดีของชุมชน ผลิตที่อื่นไม่ได้ ก็จะทำให้มีการซื้อขายมากขึ้น และส่งผลต่อเศรษฐกิจในส่วนภูมิภาคที่จะขยายตัวดีขึ้น” นางนันทวัลย์กล่าว
ทั้งนี้ กรมฯ ยังมีแผนที่จะขอความร่วมมือไปยังหน่วยงานราชการ ขอให้ใช้สินค้าจีไอมอบเป็นของที่ระลึกให้กับผู้ที่ได้พบปะเจรจาหรือติดต่องานด้วย เพื่อเป็นการกระตุ้นและสร้างการรู้จักให้แก่สินค้าจีไออีกทางหนึ่ง แต่ก็ต้องพิจารณาดูว่าสินค้าจีไออะไรเหมาะสมที่จะมอบเป็นของที่ระลึก เพราะส่วนใหญ่สินค้าจีไอเป็นสินค้าอาหาร และบางสินค้าก็ออกตามฤดูกาล ไม่ได้มีตลอดปี
ส่วนการทำการตลาดให้กับสินค้าจีไอ กรมฯ จะผลักดันให้มีการนำสินค้าจีไอไปแสดงและจำหน่ายในงานแสดงสินค้าสำคัญๆ ระดับประเทศ ทั้งงาน ไอพี แฟร์, ท็อป ไทยแบรนด์, จีไอ มาร์เกต และงานไทยเฟ็กซ์ เพื่อเป็นการเปิดตัวสินค้าจีไอออกสู่ตลาด ทั้งในและต่างประเทศ
นางนันทวัลย์กล่าวว่า สำหรับแผนการส่งเสริมการขึ้นทะเบียนสินค้าจีไอในปี 2559 กรมฯ ตั้งเป้าที่จะเพิ่มให้ได้อย่างน้อย 8 จังหวัด โดยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา ได้แก่ ลำไยลำพูน, น้ำตาลสดเกยชัย และเครื่องปั้นดินเผาบ้านมอญ นครสวรรค์, กล้วยไข่กำแพงเพชร, ไข่เค็ม ดินสอพองลพบุรี กระท้อนตะลุง ผ้าทอบ้านหมี่ ข้าวหอมมะลิลพบุรี, มังคุดเขาคีรีวงศ์ นครศรีธรรมราช, ผ้าหมักโคลนล้านหนองสูง มุกดาหาร, ทุเรียนปราจีนบุรี และแห้วสุพรรณ สุพรรณบุรี
ส่วนเป้าหมายในภาพรวมได้กำหนดให้ภายในปี 2560 ทุกจังหวัดจะต้องมีสินค้าจีไอตามโครงการ 1 จังหวัดต่อ 1 สินค้าจีไอ โดยปัจจุบันเหลือเพียงแค่ 22 จังหวัดที่ยังไม่ได้ยื่นคำขอขึ้นทะเบียนสินค้าจีไอ
